Before Valentine
























ขอบคุณครับ”  เด็กหนุ่มโค้งพร้อมยื่นถุงซีดีให้ลูกค้า ก่อนรับเงินมา
ไม่ต้องทอนนะ ถือว่าชั้นให้เป็นของขวัญ”  หญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ลูกค้าคนประจำของร้านเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า
แต่... นี่มันเกินมาเยอะเลยนะครับ ถ้าพี่ซอนมีจะกรุณาผมจริงๆ ก็แวะมาบ่อยๆละกัน ผมจะได้ไม่ถูกไล่ออก
โอ้ย.. ใครจะไปกล้าไล่คนอย่างเธอ ทำงานก็เก่ง หน้าตาก็ดี เรียกลูกค้าสาวๆเข้าร้านได้เพียบ” 
พอดีกับที่หางตาของซอนมีเห็นใครบางคนเดินลงมาจากชั้นบนซึ่งใช้เป็นส่วนของออฟฟิศ เหมือนนึกอยากสนุก หญิงสาวหรี่ตาพร้อมส่งยิ้มโปรยมาทางเด็กหนุ่ม มืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นลูบแขนบางๆนั้น
แต่ก็นะ.. ถ้าวันไหนเจ้าของร้านตาถั่วไล่นายออก บอกชั้น ...ชั้นรับเลี้ยงเอง” 
น้ำเสียงที่ดังกว่าการคุยกันปกติเมื่อครู่ จงใจให้อีกคนที่กำลังเดินมาได้ยิน
อ้าวๆๆ... ยังไงครับคุณลูกค้า คิดจะมาเคลมเด็กผมเหรอ”  เสียงตัดพ้อจากชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งเดินมา
เด็กหนุ่มหลุดยิ้มหันไปทางต้นเสียง
เอาอีกแล้ว พี่สองคนเนี่ยะ”   ส่ายหัวน้อยๆกับสองคนตรงหน้า ที่มักจะชอบเย้าแหย่ หรือไม่ก็ยั่วโมโหกันเป็นประจำ


...เพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ถึงรักกันนาน


ถ้านายไม่อยากตกนรกทั้งเป็นแบบชั้นนะ อยู่ห่างๆผู้หญิงคนนี้ดีกว่า ฮ่าๆๆ”   
เจ้าของเสียงหัวเราะเหล่มองทางหญิงสาว ดังพอจะกลบความเงียบของร้านที่ไม่หลงเหลือลูกค้าคนอื่นๆ เพราะเลยเวลาปิดร้านมาแล้ว มีแต่สายตาขวางๆเชิงทีเล่นทีจริงของหญิงสาวอดีตลูกค้าประจำ ที่ตอนนี้กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นนายหญิง
พี่สองคน...น่ารักดีนะครับเด็กหนุ่มยิ้มเต็มแก้ม
อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นนะ... โอ๊ะ!!”   
ยังไม่ทันจะพูดจบ ศอกงามๆของอีกคนที่ยืนติดกันกระแทกเข้ากลางสีข้างแอนดี้พอดิบพอดี
นี่ไง... ดูไว้นะ”  
ก่อนที่โดนเข้าไปอีกศอก แอนดี้กระเถิบหนีพอให้พ้นช่วงแขนนั้น แต่ไวพอจะจับมืออีกข้างของซอนมีมากระชับได้อย่างคล่องแคล่ว
เล่นพอละไปกันเถอะ ผมหิวแล้ว ถ้าเราไม่กลับเจ้านี่ก็ไม่ได้พักซักที”   เสียงออดอ้อนจากชายร่างสูงที่บุ้ยปากมาทางเด็กหนุ่มหน้าเคาท์เตอร์
ไปก่อนนะ วันหลังชั้นจะมาคุยด้วยใหม่ พอดีวันนี้มีนัดซะแล้ว”  
หญิงสาวส่งยิ้มอย่างเอ็นดูมาให้เด็กหนุ่ม หันมาเบะปากให้คนข้างๆอย่างท้าทาย ก่อนจะถูกโอบไหล่เดินกระเซ้าเย้าแหย่ออกจากร้านไป

เด็กหนุ่มยิ้มตอบมองตามคนทั้งคู่จนพ้นสายตา ลากขาอันหนักอึ้งของตัวเองไปยังประตูกระจกหน้าร้าน เป็นปกติที่ช่วงเทศกาลพิเศษๆลูกค้ามักจะเยอะเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน และเขาก็เป็นคนอาสาที่จะอยู่จนถึงปิดร้านเอง

ประตูกระจกบานใหญ่ทั้งสองข้างถูกดึงเข้าหากัน โดยไม่ลืมที่จะลงกลอนด้านล่าง ป้ายเล็กๆที่ห้อยอยู่ติดกับบานกระจกถูกกลับด้าน


'CLOSE 9:30pm'


"หมดไปอีกวันนะ จะได้กลับบ้านนอนซักที.."  
เขางึมงำกับตัวเอง ยกอกถอนหายใจลูกใหญ่เหมือนกับจะช่วยให้ความเหนื่อยล้ามันร่วงหล่นไปได้บ้าง ก่อนจะหันหลังกลับไปเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับบ้าน



ปึง! ปึง! ปึง!
คุณครับ คุณ!!" 

เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยง หันขวับไปทางเสียงนั้นทันที เสียงเงียบไปแล้ว เห็นแต่...อะไรบางอย่าง

สองขาค่อยๆก้าวออกไป ดวงตาหรี่ลงเหมือนจะปรับโฟกัสให้มองอะไรชัดขึ้น แต่มากสุดเขาเห็นแค่เพียงเงาดำๆ ยืนพ่นไอร้อนใส่กระจกหน้าร้านจนเกิดฝ้า


...นั่นมันคนใช่มั้ย


ทันทีที่ถึงประตูกระจก เด็กหนุ่มเห็นใครบางคนในเสื้อโค้ทตัวหนา สะพายกระเป๋าทรงแปลกๆบนหลัง และเพราะศีรษะถูกคลุมด้วยฮู๊ดใบใหญ่  ทำให้เห็นเป็นแค่ร่างดำๆเท่านั้น

ครับ มีอะไรหรือเปล่า"   เขาถามกลับไปแบบกล้าๆกลัวๆ   


...มาดีมาร้ายก็ไม่รู้


คือ ผมกำลังหาซื้อซีดีน่ะครับ"   เสียงตอบกลับอย่างเหนื่อยหอบจากชายแปลกหน้า สังเกตได้จากไอร้อนจากปากที่ลอยกระทบกับอากาศเย็นเยือกจนเป็นไอสีขาว บางส่วนปะทะกับบานกระจกจนเกิดฝ้าเป็นระยะถี่ๆ

ผมเห็นป้ายไฟหน้าร้านยังเปิดอยู่ ก็เลยรีบวิ่งมา”   ชายคนนั้นยังคงพูดไปหอบไป

เด็กหนุ่มเหล่ตาเบี่ยงหน้าไปทางป้ายดังกล่าวทันที ป้ายไฟที่ใช้เชิญชวนลูกค้ายังคงเปิดอยู่ ซึ่งมันควรจะถูกปิดตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วด้วยซ้ำ

เอ่อ.. ต้องขอโทษด้วย ร้านปิดแล้วนะครับ ยังไงรบกวนมาใหม่พรุ่งนี้ละกันครับ"  ทั้งทีรู้ว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ลืมปิดไฟป้าย แต่เขาก็ยังตอบกลับออกไปแบบนั้น ไม่มีทีท่าที่จะปลดล็อคประตูกระจก อันที่จริงจะรับลูกค้าอีกซักคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่วันนี้เขาเหนื่อยเกินไป นาทีนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครด้วยซ้ำ และเขาก็ไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้


...ดูร้อนรนยังไงพิลึก จะมาซื้อซีดีจริงๆหรือเปล่า


แหมคุณ.. ผมเห็นคุณเพิ่งปิดร้านเมื่อตะกี้นี้เอง อุตส่าวิ่งมาแทบแย่ ผมซื้อนะครับ ไม่ได้ขอฟรี"   ชายแปลกหน้าเริ่มหงุดหงิด โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดและท่าทางยียวนแบบนั้น ทำให้เด็กหนุ่มก็เริ่มมีอารมณ์เช่นกัน


...เหอะ ง่ายเลยทีนี้ พูดดีๆอาจจะใจอ่อน แต่กวนประสาทแบบนี้ล่ะก็


แทนคำตอบเด็กหนุ่มเพียงแค่จ้องกลับไปยังใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ฮู๊ดหนา ยกนิ้วขึ้นชี้ป้ายที่แปะประตูกระจก เป็นการย้ำคนกวนประสาทตรงหน้าว่ามันเลยเวลาปิดร้านมานานแค่ไหนแล้ว เขาเห็นชายคนนั้นมองตามนิ้ว แล้วก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ห่อปากพ่นไอร้อนสีขาวออกมาแรงกว่าปกติ
 
ไว้พรุ่งนี้ละกันนะครับ ร้านเปิดสิบโมงเช้า"   จากท่าทางซักครู่ทำให้เขาแผ่วน้ำเสียงลงตามไปด้วย ชายแปลกหน้าเพียงโน้มลำตัวลงเล็กน้อย ก่อนเดินไปโดยไม่พูดอะไร

เอาน่า..ไม่ได้ขายซักแผ่นสองแผ่น พี่แอนดี้ไม่ถึงกับจนหรอก"  เขาหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง ทั้งๆที่แอบรู้สึกผิดอยู่เล็กๆกับท่าทีผิดหวังของคนที่เพิ่งเดินจากไป


สองขากำลังจะเดินไปปิดสวิตช์ป้ายไฟเจ้าปัญหา



ปึง! ปึง!

คุณครับ ขอร้องล่ะ ถ้าไม่ได้ไปนะ เด็กนั่นเอาผมตายแน่"

เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ได้หันไปทางเสียงเหมือนคราวก่อน คิ้วขมวด ดวงตาปิดสนิท ปากเม้มเข้าหากัน มือทั้งสองข้างกำแน่น


...จะอยากได้อะไรขนาดนั้น รอพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอไง!


สองขายังยืนอยู่ที่เดิม เพียงแค่เอี้ยวตัวหันหน้าไปทางเสียงนั้น ..อีกครั้ง


“...เถอะนะคุณ”   น้ำเสียงขอร้อง เมื่อเห็นว่าคนในร้านยังคงเงียบ



...เอาไงดีล่ะ



งั้น... เชิญ แต่ผมไม่มีเวลาให้คุณมากนะ”  เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกลูกใหญ่ ก่อนจะปลดล็อคประตูกระจก ดึงเข้าหาตัวเปิดทางให้ลูกค้าเข้ามา


กรุ๊ง~กริ๊ง~

เสียงจากกระพรวนเล็กๆตรงประตูดังขึ้น ใช้บอกเวลามีลูกค้าเข้าออกร้าน


...ทำขนาดนี้ไล่ยังไงก็คงไม่ไป เอาเถอะจะได้จบๆ หวังว่าคงไม่ใช่คนไม่ดีหรอกมั้ง..นะ


เอาน่า... ผมรู้ วันพิเศษแบบนี้คุณก็คงรีบเหมือนกัน”  น้ำเสียงทะเล้นจากคนที่เพิ่งสอดกายแทรกบานประตูเข้ามา มีเพียงแค่สายตาไม่เป็นมิตรส่งกลับไปให้เท่านั้น จนเขาต้องปรับสีหน้าเมื่อรู้ตัวว่าพูดจาไม่เข้าท่าซะแล้ว

อากาศข้างในอุ่นมาก ถ้าเทียบกับลมหนาวที่พร้อมจะบาดผิวข้างนอกนั่น ทำให้รู้สึกสบายตัวในทันที สองมือเปิดฮู๊ดที่คลุมศีรษะออก ปลดกระเป๋าหนังทรงขวดใบโตที่สะพายบ่าไว้ลงข้างตัว สายตามองไปรอบๆ ร้านนี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ตามผนังและเพดานตกแต่งด้วยโปสเตอร์ศิลปินต่างๆทั้งที่เขารู้จักและไม่รู้จัก มีกระบะใส่ซีดีสูงระดับเอว และชั้นโชว์แผ่นเสียงตามผนังเรียงต่อแถวกันลึกเข้าไปถึงส่วนด้านในของร้าน สันซีดีที่เรียงกันอยู่อย่างหลากหลายแทบไม่ซ้ำกัน การตกแต่งที่ไม่เหมือนร้านทั่วๆไป ทำให้เขาแน่ใจว่าต้องได้สิ่งที่ต้องการกลับไปแน่ๆ

เด็กหนุ่มพยายามปรับอารมณ์หงุดหงิดให้เข้าที่ ทิ้งคนแปลกหน้าไว้แล้วเดินไปปิดสวิตซ์ป้ายไฟหน้าร้านเสียก่อน ส่วนไฟในร้านถูกปิดอยู่ก่อนแล้ว จะมีก็แค่แสงน้อยๆจากหลอดไฟเล็กๆตามดิสเพลย์ และชั้นโชว์ ซึ่งก็พอทำให้เห็นรายละเอียดของร้านได้บ้าง

ครับ!”   คำพูดสั้นๆห้วนๆไล่หลังคนแปลกหน้าที่เดินมองโน่นนี่อย่างไม่น่าไว้ใจ เขาจงใจให้ตกใจเล่น
อุ๊!”   คราวนี้กลับเป็นอีกคนที่ต้องสะดุ้ง เด็กหนุ่มซ่อนยิ้มอย่างพอใจ
ซีดีที่คุณหาน่ะ”   เขาขยายความ

อ้อ...”   ทันทีที่เข้าใจมือไม้ก็ควานหาอะไรบางอย่าง แปะไปทั่วตัว ตั้งแต่กระเป๋าเสื้อโค้ท จนถึงกระเป๋าหลังกางเกง
หือ?     ..อ้อ”   กระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่ถือไว้ด้วยมืออีกข้างถูกวางลงราบกับพื้น ซิบถูกรูดตามความยาวของกระเป๋า มือเรียวหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากช่องใส่ของเล็กๆข้างวัตถุในนั้น


เด็กหนุ่มมองตามท่าทางของลูกค้าโดยตลอด และสะดุดกับสิ่งของข้างใน


...เล่นกีตาร์ด้วยเหรอ


สมาร์ทโฟนเครื่องบางสีขาวถูกหยิบขึ้นมาก่อนที่เจ้าของจะจิ้มหน้าจอสามสี่ที จากนั้นจึงคลี่สายหูฟังที่ยังคงเสียบค้างกับตัวเครื่อง ก่อนเสียบเข้าหูทั้งสองข้าง นิ้วมือเริ่มจิ้มหน้าจอสีสว่างนั้นอีกครั้ง


เพลงนี้ครับ”   ชายหนุ่มเงยหน้า มือข้างหนึ่งดึงหูฟังออก ยื่นไปให้อีกคน
เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพื่อรับหูฟัง ชายหนุ่มก้มกดหน้าจออีกครั้ง


.... 


เพียงแค่อินโทรไม่กี่โน๊ต เขาก็รู้ในทันที จะไม่รู้ได้ไง ในเมื่อมันเป็นเพลงโปรดจากไม่กี่วงที่เขาชอบ

อย่าว่าแต่วงโปรดเลย วงอื่นๆเขาก็จำเป็นจะต้องรู้ไว้ มีลูกค้าไม่น้อยที่ไม่รู้จักชื่อเพลงหรือศิลปิน บ่อยครั้งที่มีแค่เพลงมาให้ฟังแบบนี้ เขาจึงมักหาเพลงใหม่ๆฟังเสมอ แต่ก็แทบจะไม่มีลูกค้ามาถามหาเพลงแบบนี้ เด็กหนุ่มค่อนข้างตื่นเต้น เมื่อเจอคนฟังเพลงสไตล์เดียวกัน ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าของร้านจะเป็นแนวmainstream* ซะมากกว่า



...ไม่น่าเชื่อว่าจะฟังเพลงแบบนี้ รสนิยมไม่เลว



เขาเงยหน้าตั้งใจจะบอกลูกค้าคนนั้น ดวงตาที่ปรับเข้ากับแสงสลัวในร้าน ทำให้มองอะไรได้ชัดขึ้น เพิ่งสังเกตว่าใบหน้าเขากับอีกคนห่างกันไม่ถึงคืบ ตาเรียวเล็กคู่นั้นดูคมมีมิติจากอายไลน์เนอร์ ขอบจมูกโด่งพอดีกับรูปหน้า ปากบางเป็นหยักรูปกระจับ ผิวเกลี้ยงเกลา สะอาดสะอ้าน ตั้งแต่หน้าผากที่ยังคงมีเม็ดเหงื่อเล็กๆพรมอยู่ แก้มตอบทั้งสองข้างทำให้ปลายคางที่มีเงาจากหนวดเคราบางๆดูเรียวได้รูป


...ดูดี


ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างผุดขึ้นในหัว เขาแน่ใจว่าไม่เคยเจอกับผู้ชายคนนี้ แต่ก็บอกไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น ความคิดวนเวียนอยู่ในสมอง 


...คุ้นๆ 


จนเมื่อสายตาอีกคู่ละจากหน้าจอไฟสีขาวขึ้นมา ลูกตากลมโตกับดวงตาเรียวเล็กเจอกันอย่างจัง แต่กลับไม่มีใครยอมใคร ยังคงจับจ้องกันและกันเหมือนจะให้มันทะลุลึกลงไปในความคิดของอีกฝ่าย


. . . .


จนกระทั่งเสียงเพลงจากหูฟังของทั้งคู่เงียบลง

นั่นล่ะถึงจะได้สติ..


ดีจังนะครับ ผมไม่ค่อยเจอลูกค้าที่ฟังเพลงแนวนี้เท่าไหร่”  เด็กหนุ่มหลบตา ถอดหูฟังออกส่งคืนเจ้าของในทันที รู้สึกว่าร้านมันเงียบจนน่าอึดอัดขึ้นมาดื้อๆ
เพลงนี้มันมีทั้งแบบซิงเกิ้ล ละก็อัลบั้มครับ คุณสะดวกจะรับเป็นแบบไหนดี”  พยายามปรับโทนเสียงให้ดูธรรมดาที่สุด และทั้งๆที่ถามลูกค้าไปแบบนั้น เขาก็ไม่แม้แต่หันมอง มือข้างที่ส่งหูฟังกลับให้ เมื่ออีกฝ่ายรับคืนไปแล้ว ก็เดินเลี่ยงไปในซอกกระบะซีดี ส่วนอีกคนที่รับหูฟังคืนมา ได้แต่ยืนก้มหน้า กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

คือว่า.. น้องสาวผมฝากมาน่ะครับ แต่ดันลืมถามว่าอัลบั้มอะไร.. ป่านนี้ก็คงจะ..หลับไปแล้ว

นิ้วที่กำลังไล่เรียงตามตัวอักษรหยุดลง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย 


...นึกว่าเจอคอเพลงเดียวกันซะอีก


งั้นก็พอดีเลย ร้านเราเหลือแต่อัลบั้มแล้วครับ เพลงพวกนี้เราไม่มีเก็บในสต็อกเยอะหรอก”  เด็กหนุ่มเดินออกมาจากมุมกระบะซีดีอีกครั้ง พร้อมบางอย่างในมือ ยื่นให้กับคนตรงหน้า
น่าเสียดายนะครับ เพลงเพราะๆแบบนี้ไม่ค่อยจะมีใครรู้จัก”  เหมือนจะเป็นการระบายซะมากกว่า

ชายหนุ่มอมยิ้ม ผ่อนลมหายใจเบาๆออกมา ก่อนจะยื่นมือไปรับแผ่นซีดี
มีจริงๆด้วยนะ”  เขาก้มลงมองซีดีในมือ ก่อนหันมายกยิ้มให้อีกคน

เด็กหนุ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าคนนี้พูดนักหรอก แต่แค่เห็นว่าพอใจก็ดีแล้ว

ยัยเด็กนั่นบอกว่า ยังไงก็ต้องหาซีดีกลับไปให้ได้ เพราะต้องให้ใครบางคนพรุ่งนี้ ก่อนเข้าห้องผ่าตัด แก่แดดจริงๆเลย
ผ่าตัด ..เหรอครับ”  
ถึงแม้จะทิ้งท้ายประโยคให้ดูเหมือนทีเล่นทีจริง แต่เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าแววตามันไม่ใช่ มันดูเปลี่ยนไป


...คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่แน่


คืนพรุ่งนี้ยูจองจะผ่าตัด ต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวตั้งแต่เมื่อวาน ผมเลยต้องอาสาเป็นคนหาซีดีให้”  สายตาที่มีความกังวลไม่อาจซ่อนอยู่บนใบหน้าที่ยิ้มฝืนๆนั้น เขารู้สึกได้


เด็กหนุ่มนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะ...


.

.
               
.

.

.


คุณน่าจะให้เด็กนั่นพักบ้างนะ ใจร้ายชะมัด”  ซอนมีโพล่งขึ้น หันหน้าไปหาอีกคนที่อยู่หน้าพวกมาลัย เหมือนจะคาใจจากที่ร้านเมื่อครู่
โหคุณ ผมบอกไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ทั้งเรื่องลาพักร้อน พักไม่ร้อน คุณรู้มั้ยเจ้านั่นตอบผมว่าไง  ก่อนจะพูดอะไรต่อ แอนดี้เหยียบเบรกหยุดรถตามสัญญาณไฟ
เจ้านั่นบอกว่า หยุดไปก็เท่านั้น ยังไงก็ไม่รู้จะไปเที่ยวไหนอยู่ดี เปลืองเงิน อยู่บ้านเฉยๆก็น่าเบื่อ สู้ออกมาทำงานดีกว่า แถมวันไหนไม่มีเรียนนะ ยังจะมาขอทำงานสองกะอีก ไม่รู้ว่าขยัน หรือบ้างาน”   พูดจบเจ้าของร้านก็ถอนหายใจเบาๆ
หมายความว่าไง ไม่รู้จะไปไหน แล้วครอบครัวหรือว่าแฟนล่ะ”   ซอนมีหันขวับมาถามทันที
ไม่รู้เหมือนกันนะ ไม่เคยได้ยินจากปากเจ้านั่นซักที”  แอนดี้เอียงคอคิดอึดใจ ส่ายหัวเบาๆ
อย่างน้อยก็น่าจะมีแฟน เป็นไปได้ยังไง หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนั้น ...เสียอย่างเดียว พูดน้อยไปหน่อย”  
ซอนมีทำเสียงอย่างอ่อนใจ คนที่อมยิ้มอยู่หน้าพวงมาลัย ยืนปลายนิ้วสอดมาประสานกับมือเธอไว้ สายตายังคงจ้องผ่านกระจกหน้ารถ
“ ... ไม่รู้สินะ ผมรู้สึกว่าเจ้านั่นคงจะเหงาอีกไม่นานหรอก”  แอนดี้พูดพลางหันมายิ้มพร้อมออกรถตามสัญญาณไฟ
เซนซ์ผมมันบอกน่ะ...

.

.
               
.


งั้น... แผ่นนี้ผมให้” 
เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าคิดอะไรถึงพูดไปแบบนั้น แค่รู้สึกว่าต้องทำอะไรซักอย่าง


...ก็แค่อยากจะปลอบใจ
แต่... กรุณาอย่ามองผมแบบนั้นสิคุณลูกค้า


ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆจากลูกค้าแปลกหน้า นอกจากการมองด้วยความสงสัย
ก็... ถือว่าผมให้เป็นของขวัญละกัน"  เด็กหนุ่มยืนกอดอก พร้อมพยักหน้าน้อยๆ ภูมิใจกับเหตุผลของตัวเอง
หืม...ให้ผม?"  ลูกค้าคนนั้นเอียงคอ ทำเหมือนจะตั้งคำถาม 
"ผมให้น้องสาวคุณ ...ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นครับ"   เด็กหนุ่มระบายยิ้มขึ้นเต็มหน้า ราวกับว่าจะให้รอยยิ้มนั้นส่งพลังไปถึงคนข้างหน้า 


และ

มันได้ผล


เขาเห็นรอยยิ้มตอบกลับมา เป็นยิ้มที่ดูมีชีวิตชีวาที่สุดตั้งแต่ลูกค้าคนนี้เดินเข้ามาในร้าน
ขอบคุณนะครับ ผมจะบอกเธอว่ามีคนใจดีฝากมาให้
ถ้ามีโอกาสก็ชวนเธอมาที่ร้านนะครับ เรารสนิยมฟังเพลงเหมือนกัน

รอยยิ้มนั้นยังคงไม่จางไปจากใบหน้า และยังติดตาเขาแม้ลูกค้าคนนั้นจะเดินออกนอกร้านไปแล้ว

เด็กหนุ่มได้สติอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าเสียงประตูกระจกแก้วถูกเปิดออก             

ถือว่าผมติดหนี้คุณอยู่ละกัน แล้วไว้ผมจะมาชดใช้ให้ ...ขอบคุณอีกครั้งนะครับ คุณอีชานฮี
เอ๊ะ??”  เด็กหนุ่มคอตั้งตรงในทันที
ป้ายชื่อ..”  นิ้วมือเล็กเรียวนั้นชี้มาตรงหน้าอกเขาจนเผลอก้มมองตาม


...อ๋อ ป้ายชื่อพนักงานตรงเสื้อ


เอ่อ... ผมบยองฮอนครับ อีบยองฮอน”  สายตาหลุบมองต่ำเผลอเอามือลูบท้ายทอย มันคงเป็นนิสัยติดตัวเวลารู้สึกอะไรบางอย่าง
แล้ว...ไว้เจอกันนะครับคุณชานฮี”  ลูกค้าคนเดิมโบกมือไหวๆ ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มตาหยีมาให้ ก่อนจะเดินออกนอกร้านไปอีกครั้ง

ชานฮีได้แต่มองตามแบบงงๆ



...มาไว้ไปไวแท้!

.

.

.


หลังจากที่ลูกค้า..ที่ตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่คนแปลกหน้าไปซะแล้ว

...อีบยองฮอน  ชานฮีพึมพัมเหมือนจะทวนความจำ


ทันทีที่นึกอะไรบางอย่างได้ เขายกยิ้มเดินตรงไปยังเครื่องเล่นซีดี ซึ่งอยู่ใกล้กับเคาท์เตอร์คิดเงิน ค้นกองซีดีตัวอย่างที่วางเรียงไว้ตามตัวอักษรเป็นอย่างดี ซักพักก็เจอสิ่งที่ต้องการ ซีดีหน้าเปลือยที่มีลายมือเขียนหยาบๆไว้ด้วยปากกาหมึกดำเส้นใหญ่



>>> Standing egg [사랑한대] with windy



...ไม่ได้ฟังซะนานเลยนะ  


ชานฮียิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง


...ปีนี้ก็ไม่เลว happy valentine day นะ อีชานฮี   เด็กหนุ่มยิ้มให้ตัวเองอีกครั้ง



제발  stop 누가 날좀 꼬집어줘
꿈에서 깨라고 해줘  떨리는 눈이 세상을 흔들고 있어 
이제껏 한번도 느낀적 없어도
살면서 누구도 가르쳐 준적이 없어도
알것같아 사랑이란건 하늘을 나는거

โปรดหยุดฉันที ใครก็ได้ช่วยหยิกฉันหน่อย
ช่วยปลุกฉันให้ตื่น จากความฝันนี้ซักที ดวงตาที่สั่นไหวของฉัน แทบจะเขย่าโลกทั้งใบ
ฉันไม่เคยที่จะรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
ใช่ชีวิตอยู่ โดยไม่มีใคร
ฉันคิดว่านี่แหละคือความรัก รักที่จะทำให้ฉัน เหมือนลอยไปบนท้องฟ้า





-TBC-


>>> music with thai sub

Credit:
Eng Romanization: Princess.of.Tea
Eng Translation: yellownailsc @ youtube
Thai Romanization: SaOPark
Thai Translation: SaOPark


[*] mainstream หรือ กระแสหลัก หลายถึง สิ่งที่อยู่ในความคิด และ เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในสังคม ในปัจจุบัน สิ่งที่เห็น หรือได้ยินกันบ่อย จนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ในทางดนตรีก็จะหมายถึง พวกเพลงแนว pop, rock, rap, hip-hop, หรือพวก nu-metal ที่มีออกมาดาษดื่น ตามที่เห็นกันทาง mtv ch.v หรือนิยม เปิดตามสถานีวิทยุ อะไรเทือกนั้น




ปล. ขอบคุณที่ปรึกษากิตติมาศักดิ์ @ThingByung ด้วยค่ะ ^ ^






1 comments:

  1. อีบยองฮอนกับอีชานฮีได้เจอกันแล้ว เป็นบรรยากาศการพบเจอที่ดูคล้ายๆจะไม่มีอะไรแต่ในความไม่มีอะไรนั้นมันกลับมี แอบอมยิ้มเล็กๆตลอดเวลาที่อ่านค่ะ^^

    ReplyDelete