Maybe Tomorrow




การมองเธอที่ห่างออกไปจากสายตาฉันน่ะ มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
เพราะฉันยังคงเก็บความทรงจำของเราเอาไว้
แสงอาทิตย์นั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
ถนนที่ฉันเคยเดินไปด้วยกันกับเธอมันช่างเจ็บปวด
เพลงที่ฟังอยู่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
ฉันกำลังเดินอยู่ แต่จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว


















ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนจะวุ่นวาย ร้านที่เหลือพนักงานแค่สองคน หัวหมุน วิ่งวุ่นสลับกันรับลูกค้า เป็นเพราะแอนดี้เองที่ไม่ยอมรับแคชเชียร์คนใหม่มาแทนคนเก่าที่ลาออกไป ด้วยเหตุผลว่า..ยังไม่เจอที่ถูกใจ และแม้เจ้าตัวจะโผล่มาช่วยบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็แค่ในช่วงสั้นๆ สุดท้ายภาระก็ตกอยู่ที่พนักงานพาร์ทไทม์ทั้งสองคน ที่ตอนนี้เวลาทำงานแทบจะเป็นพนักงานประจำไปซะแล้ว

สำหรับชานฮี แม้จะเหนื่อยแต่ก็พอใจ เพราะมันเป็นตัวช่วยที่ดีให้หลุดพ้นจากการหมกมุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่ทำให้หม่นใจได้บ้าง


เมื่อต้องกลับมาใช้ชีวิตในแบบเดิม ..หรือพยายามจะให้เป็นเหมือนเดิม ชีวิตที่มีแค่บ้าน มหาวิทยาลัย และร้านซีดี ผู้คนเดิมๆ พ่อ เพื่อนฝูง และลูกค้า

ตั้งแต่ใครบางคนสะพายกระเป๋ากีตาร์ใบนั้นเดินจากไป ความคิดถึงในทุกๆสิ่ง ยังคงฟุ้งกระจาย ไม่เคยจากหาย ไม่เคยตกตะกอน


ทั้งๆที่เลือกให้เป็นแบบนี้

ทั้งๆที่ความรู้สึกยังคงอยู่..

แม้จะเสียใจ..   ทรมาน..


แต่เพราะมันดีที่สุด..


บ่อยครั้งที่จิตใจถูกความอ่อนแอรุมกัดกิน เพียงเพราะยังยึดติดกับความสุขที่ไม่อาจเรียกคืนมาได้ จนเผลอคิดอะไรเข้าข้างตัวเองไปว่า ถ้าหากวันหนึ่งใครคนนั้นกลับมาอีกครั้ง ขอแค่บยองฮอนจะดื้ออีกนิด เขาคงไม่มีพลังพอจะต้านทานไหว พร้อมที่จะโอบรับความรู้สึกนั้นไว้แต่โดยดี


...ทั้งที่ผลักไส จะมาเพ้อเจ้ออะไรตอนนี้ล่ะชานฮี


คำตอบที่มีให้ตัวเองอยู่เสมอ แม้จะรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่เสียไป แต่เพราะไม่มีสิทธิ์จะยึดมันไว้กับตัว


พี่ชานฮีไปพักก็ได้นะฮะ เหลือเรียงซีดีอีกนิดหน่อย ผมทำให้เอง”  เสียงเด็กหนุ่มที่ก้มๆเงยๆ จับนู่นวางนี่

ช่วงค่ำที่ลูกค้าเริ่มบางตาลงไปมากแล้ว พอจะมีเวลาให้ได้ผ่อนคลายอยู่บ้าง และเพราะจงฮยอนสังเกตได้ถึงอาการเหม่อลอยนั้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาพี่ชายของเขาเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเรียน และทำงาน ไม่ยอมให้ตัวเองได้มีเวลาหยุดพัก

เขาสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยกายเหนื่อยใจ แม้เจ้าตัวไม่เคยปริปากบอก แต่จะให้เอ่ยถามเอาความก็ดูจะเป็นการก้าวล้ำความเป็นส่วนตัวเกินไป แม้จะสนิทสนมกันแค่ไหน แต่ก็ยังเว้นช่องว่างให้กันและกันไว้เสมอ


...คงดีถ้าสามารถแบ่งเบามันได้บ้าง


หลังถูกเสียงนั้นแทรกขึ้นท่ามกลางความคิด ชานฮียืนมองตามการกระทำของน้องชายอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าหวานยกยิ้มน้อยๆ ถึงแม้จะฟังดูเหมือนเป็นประโยคสนทนาทั่วไป แต่รู้สึกถึงความห่วงใยในนั้นได้   ..จงฮยอนยังเป็นเด็กดีและอ่อนโยนกับเขาเสมอ

นี่จงฮยอน.. ฮเยริลาออกไปแบบนี้ นายคงเหงาแย่สินะ”    เมื่อนึกอะไรขึ้นได้ ชานฮีจึงลองหยั่งเชิงน้องชายจอมปากแข็ง
         
เอ๊ะ!ทำไมต้องผมคนเดียวล่ะ”    จงฮยอนมองกลับมาอย่างฉงน
ก็..เดทกันอยู่ไม่ใช่เหรอ..”    ชานฮีแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

อ่อ.. ถ้าหมายถึงเรื่องนั้น    อืม..มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ
จงฮยอนถอนหายใจเบาๆ
แรกๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆ ผมว่ามันยังไม่ใช่”  

เขาเอียงคอทำทีเป็นคิดอะไรเล็กน้อย ก่อนว่าต่อ
มันไม่ได้มีอะไรมากกว่าความตื่นเต้น อีกอย่าง พอเค้าไปมีคนอื่น ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลย  ..ผมก็..ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน"  

ท่าทางส่ายหน้า ขมวดคิ้ว เมื่อคิดตามสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดออกไป เพราะไม่เคยคิดตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่า จริงๆแล้วความรู้สึกเหล่านั้นมันคืออะไร ทั้งๆที่ตอนคบกับใครซักคน ยอมรับว่ามันก็รู้สึกดี รู้สึกตื่นเต้น จิตใจวูบวาบ มีความสุข แต่กลับไม่เคยรู้สึกผูกพันอะไร เมื่อจบแล้วก็จบกันไปง่ายๆ ไม่มีอะไรให้นึกถึง ไม่โศกเศร้าเสียใจ ไม่แม้แต่จะรั้งมันไว้


...หรือเพราะมันยังไม่ใช่ความรัก
         

ชานฮีกลับไม่แปลกใจ แม้จะเปลี่ยนคู่เดทอยู่บ่อยครั้ง ตามประสาเด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยแสวงหา แต่ไม่ว่าจะกับใคร กลับไม่พิเศษ และเอาใจใส่เหมือนอย่าง..

แล้ว.. เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นล่ะ ใช่รึเปล่า..?”  
รอยยิ้มกรุ้มกริ่มทาบอยู่บนหน้า นึกเอ็นดูเมื่อเห็นท่าทีของน้องชายในวันนั้น

คำถามที่ชานฮีส่งกลับไป ทำเอาจงฮยอนถึงกับตาโต
พี่รู้?!”    โทนเสียงนั้นเปลี่ยนไปในทันที เพราะเขาจำได้ว่าไม่เคยเล่าเรื่องคนนี้ให้ชานฮีฟัง ไม่สิ ไม่เคยเล่าให้ใครฟังด้วยซ้ำ

ชานฮีลูบหัวทุยๆเล่น เพราะอยากให้จงฮยอนรู้สึกผ่อนคลาย
พี่ไม่รู้หรอก แค่เห็น.. ถึงได้ถามนายไง”  

ยิ่งประโยคต่อมา ยิ่งทำให้จงฮยอนตกใจหนักกว่าเดิม ท่าทีเหล่านั้นจะไม่ได้ช่วยให้เย็นใจอะไรเลย
เห็น..?!  มะ เมื่อไหร่ครับ?! แล้ว.. แล้ว เห็นอะไรครับ?!”

ชานฮียิ่งแน่ใจ รู้สึกว่าจับทางถูกแล้ว ด้วยท่าทีและน้ำเสียง คำพูดตะกุกตะกัก คำถามที่ตามมาเป็นชุด คงไม่ใช่เพื่อนกันธรรมดาจริงๆ

         
คำตอบที่ตั้งใจจะบอกออกไป แต่เพียงแค่นึกถึงเรื่องราววันนั้น แค่บางเหตุการณ์ที่ซ้อนทับกับใครคนนั้น กลับทำให้ใจวูบไหวอีกครั้ง

ก็บังเอิญเห็นนายอยู่กับเด็กคนนั้น พี่แค่รู้สึกว่ามัน..”    ชานฮีทิ้งคำเพื่อสังเกตท่าทีน้องชาย ฝืนระบายยิ้มอ่อนๆกลับไปให้อีกครั้ง ในใจพยายามปัดป้องเถ้าความคิดที่ฟุ้งกระจายออกไปก่อน

"เฮ้ยพี่ชานฮี! ..ผมไม่ได้.."    น้ำเสียงจริงจังที่จงฮยอนพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆในใจ

"คิดให้ดีก่อนปฏิเสธนะ ถ้าไม่สะดวกใจจะพูด พี่ก็ไม่ว่า ไม่ต้องบอกก็ได้ แค่ตอบตัวเองให้ได้ก็พอ ว่ารู้สึกยังไง ลูกผู้ชายต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง  ..ต้องนึกถึงความรู้สึกของอีกคนไว้ด้วยนะ"   
ไม่รอให้แก้ตัวยืดยาว       

ชานฮีเว้นระยะคำพูดอีกนิด เพื่อให้เวลาจงฮยอนได้คิดตาม
ความรักเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่เรื่องสิ่งผิด ความรักทำให้เราคิดดี ทำสิ่งดีๆให้กัน รู้จักเสียสละ และเห็นแก่ตัวน้อยลง ความรักที่บริสุทธิ์ใจทำให้เรานึกถึงใครอีกคนมากกว่าตัวเอง..


แววตานั้นยิ่งหม่นลงเมื่อจบประโยค แม้ชานฮีจะยังมีรอยยิ้มให้เขาเสมอ ..แต่มันกลับไม่ใช่รอยยิ้มที่คุ้นเคย รอยยิ้มสะกดใจใครต่อใครมันเปลี่ยนไป ยิ้มที่ออกมาจากความสุขเหมือนทุกครั้งก็จางไปด้วย พี่ชายที่เข้มแข็ง แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความสดใส น่าดึงดูด ได้หายไปหมดสิ้น เวลานี้มีแต่ความหม่นหมองและอ่อนล้า ยิ่งกว่าเรื่องของตัวเอง ก็คงมีเรื่องของชานฮีนี่แหละ ที่จงฮยอนกังวล

จงฮยอน นายยังมีอิสระที่จะทำอะไรอีกหลายๆอย่าง บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อทำให้คนอื่นเข้าใจ พี่เชื่อว่าคนมุ่งมั่นอย่างนายต้องผ่านมันไปได้  ..และอะไรที่มันเป็นความสุขในวันนี้ ก็คว้ามันไว้ เพราะเราไม่มีทางรู้เลย ว่ามันจะอยู่กับเรานานแค่ไหน


ประโยคที่เพิ่งพูดออกไปนั้น คำเตือนใจของใครบางคน ที่ยังจำได้ไม่ลืม..


พี่บอกเราได้แค่นี้ ที่เหลือนายต้องถามใจตัวเองดูนะ
ชานฮีตบบ่าน้องชายเบาๆ ก่อนเดินเข้าห้องล็อกเกอร์ไป


.


.


.


ร่างผอมบางที่กำลังง่วนอยู่กับกองข้าวของ ทั้งของใช้ส่วนตัว และบรรดาอาหารแห้งต่างๆที่แม่เตรียมไว้ให้ เพราะมัวแต่ผัดวันประกันพรุ่ง จนกระทั้งถึงวันเดินทาง นักศึกษาคนอื่นๆที่ผ่านการคัดเลือก ทยอยเดินทางกันไปตั้งแต่สิ้นปีการศึกษาที่ผ่านมาแล้ว

เพื่อไม่ให้เสียความตั้งใจ และการเสียสละของใครบางคน   ..สุดท้ายจึงต้องไป แต่แค่อยากยืดเวลาอยู่ที่นี่ให้นานที่สุด  ..จนไม่สามารถต่อเวลาไปมากกว่านี้ได้อีก

จุดมุ่งหมายที่เคยคิดจะเปลี่ยนไปเมื่อมีใครอีกคนเข้ามา แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาอยู่ในจุดเริ่มต้น ต้องเดินในเส้นทางเดิม


ต้องทำเหมือนไม่เคยได้พบเจอ ไม่รู้สึก


โน้ตเพลงพวกนี้ นายจะเอาไปด้วยเหรอ”    
ชางบอมหยิบโน้ตเพลงที่เก็บเข้าเล่มไว้อย่างดี มันวางไว้ตรงกองสัมภาระที่บยองฮอนจะเอาติดตัวไป

อืม.. ก็ว่าจะเอาไว้เล่นแก้เหงาน่ะ”   บยองฮอนเพียงอธิบายแค่สั้นๆ
ไม่เข้าใจ ไม่เอากีตาร์ไป แล้วจะเล่นยังไง หรือนายจะเอาไปฝึกร้องเหรอไง!”    เสียงเอ่ยแซว ตามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะของชางบอม
ชั้นเล่นเปียโนได้ อย่าลืมสิ!”    บยองฮอนหันมาเขม็งตา กดเสียงต่ำใส่
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี แค่กีตาร์ตัวเดียว ไม่ได้ลำบากอะไรเลย”   

บยองฮอนนิ่งไปอึดใจ ก่อนตัดสินใจตอบ

ชั้นจะไม่จับกีตาร์อีก..


ชางบอมมองหน้าเพื่อน นึกถึงวันที่บยองฮอนชวนออกไปดื่มกันครั้งล่าสุด เพื่อที่จะบอกเรื่องของชานฮี ซึ่งมันก็หลายเดือนมาแล้ว ถึงแม้จะนับครั้งไม่ถ้วนที่เคยดื่มด้วยกัน แต่นั่นเป็นวันที่เพื่อนเขาขาดสติที่สุด..


อ้าวเฮ้ย!! ใจเย็นๆแอลโจ ของแพงเว้ย!!”   เสียงร้องทักท้วง ห้ามปราม เพราะคนที่กำลังก่อเรื่องมันกำลังเมา

กีตาร์ตัวโปรดที่รักนักรักหนา กำลังจะถูกคนขาดสติจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ยกฟาด แต่ที่ไวกว่าคือตัวของชางบอมที่เข้าไปยึดมันไว้ ก่อนที่บยองจะก่อเรื่องให้วุ่นวายไปกว่านี้

ถ้าชั้นยังเห็นมัน ชั้นก็ต้องนึกถึงเค้า ชั้นเคยเล่นกีตาร์ตัวนี้ให้เค้าฟัง ใช้มันแต่งเพลงเพื่อเค้า แกจะไปรู้อะไรไม่ได้เสียใจแบบชั้นนี่!!”  
แม้จะเป็นเสียงตะคอกกลับ แต่ก็เป็นเสียงสะอื้นปนน้ำตา พร่ำเพ้อถึงความทรงจำที่มีใครอีกคนพ่วงมาด้วย

นายนั่นแหละ!แอลโจที่ไม่รู้อะไรเลย!! อย่ามาพูดว่าชั้นไม่เข้าใจ!!”   
คำพูดตอกกลับไปที่แรงพอกัน ตามสภาพอารมณ์ ชางบอมยังคงมีสติครบถ้วน ไม่ได้พากันเมามายแบบทุกครั้ง เขาแทบไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลย สภาพบยองฮอนตอนนี้ ทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะดื่ม

ชั้นขอแค่ครั้งเดียวนะชางบอม ขอครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วสัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนี้อีก”  
กีตาร์ที่ถูกกระชากออกไปจากมือ กับเสียงตะคอกกลับ ถึงจะไม่เข้าใจที่ชางบอมพูด แต่ก็ทำให้ดึงสติบยองฮอนกลับมาได้บ้าง


เป็นวันที่บยองฮอนดื่มแบบไร้การควบคุม จงใจให้ตัวเองเมามายจนแทบจะเสียผู้เสียคน เพื่อที่จะสามารถปลดปล่อยความทุกข์ทรมาน ความเจ็บปวด ปล่อยให้ความเสียใจมันได้พรั่งพรูออกมา

..แต่ถึงแม้จะขึ้นวันใหม่ หรือวันต่อๆมา ชางบอมก็ยังคงเห็นสภาพของบยองฮอนที่ยังจมจ่อมกับความเศร้าวันแล้ววันเล่า ต่อให้เมามายขาดสติแค่ไหน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่เคยช่วยให้คนเราลืมความทุกข์ไปได้จริงๆ

บยองฮอนทำได้ตามที่สัญญา เพราะหลังจากครั้งนั้น ก็ยังไม่เคยออกไปดื่มด้วยกันอีก แม้จะนึกครึ้มใจเป็นฝ่ายชวนเสียเอง แต่ก็ถูกปฏิเสธมาตลอด


เอาจริงเหรอแอลโจ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้..”    ชางบอมใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง เพื่อแสดงถึงความเห็นใจ

ไม่รู้สิ..”    ไม่มีคำอธิบายมากกว่านั้น บยองฮอนยังทำทีเป็นยุ่งกับการจัดข้าวของต่อไป


ทั้งกีตาร์และชานฮีกลมกลืนกันจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปแล้ว ทุกครั้งที่จะหยิบจับขึ้นมาเล่น เป็นต้องนึกถึงอีกสิ่งหนึ่งที่คู่กัน มือไม้ก็พาลจะอ่อนแรงพร้อมดึงเอาพลังใจให้หายไปด้วย ความเจ็บปวดที่ก่อตัวจากสิ่งที่รัก มันยิ่งรุนแรงทบทวีคูณ

เพื่อที่จะก้าวต่อไปได้ เขาจำเป็นต้องละทิ้งสิ่งเหล่านั้น
         
“..มันมีแค่วิธีนี้ ที่จะทำให้ชั้นนึกถึงเค้าน้อยลง”    บยองฮอนหยุดมือตัวเองเพียงนิด      

ถ้านายจะเลิกเล่นกีตาร์ แล้วเรื่องวงล่ะ?”   
ชางบอมยังคงหาเหตุผลมาหว่านล้อม เพราะรู้สึกเสียดายกับพรสวรรค์ และรู้ดี เครื่องดนตรีที่บยองฮอนรักที่สุดก็ยังคงเป็นกีตาร์

คุยกันแต่แรกละ เจ้าพวกนั้นก็เข้าใจดี ป่านนี้คงหาคนเล่นแทนได้แล้ว
         
อืม.. แล้ว..”   
ชางบอมปล่อยให้คำพูดนั้นหายไป เพราะไม่แน่ใจว่าควรพูดหรือเปล่า

ถ้าเป็นเรื่องชานฮี ก็ไม่มีอะไรมากกว่าที่นายรู้ ในเมื่อเค้าปฏิเสธชั้นทุกทาง ..ก็ดีนะ ชั้นจะได้ไม่ลังเล

คิดแบบนั้นจริงๆเหรอแอลโจ ที่จะไปน่ะ ลอนดอนนะ ไม่ใช่ปูซาน!”

บยองฮอนชะงักมือเล็กน้อย
ทุกอย่างที่ทำได้ ชั้นก็ทำหมดแล้ว และคำตอบของเค้าก็ชัดเจน

ชางบอมพยักหน้าเบาๆเป็นการยอมรับ
มันก็จริง.. ชั้นหมายถึง นายจะไม่ล่ำลากันให้เป็นเรื่องเป็นราวหน่อยเหรอ

บยองฮอนก้มหน้าต่ำ ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่อีกครั้ง



ชานฮีคงต้องการแบบนี้..


.


.


.


ร่างผอมบางกับสัมภาระเป็นเป้สะพายหลังสีดำขนาดกลางหนึ่งใบ กำลังอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ เพียงแค่นึกว่าเขาคงโหยหาอ้อมกอดที่แน่นกระชับ และแสนจะอบอุ่นแบบนี้ในเวลาที่ห่างกัน ก็รู้สึกใจหายกับการจากกันในครั้งนี้ แม้จะเคยอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่ก็ไม่เคยห่างจากอ้อมอกนี้เลย
         
ความตั้งใจที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาสามารถดูแลตัวเองได้ดี หัวใจที่อยากออกไปเจอโลกกว้าง แต่เมื่อโอกาสมาถึงจริงๆ กลับรู้สึกลังเล การจากคนที่รักที่ห่วงไม่ใช่เรื่องดีเลย

ยิ่งเมื่อเห็นความเสียใจของคนที่รักเขาที่สุด สองนิ้วเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาที่ปริ่มอยู่ขอบตานั้นออก โอบวงแขนเข้าตระกองกอดร่างนั้นอีกครั้ง ใบหน้ายังคงนิ่งอยู่บนบ่าอุ่นๆ ตักตวงกำลังใจเอาไว้ให้มากที่สุด

ส่งข่าวกลับมาเรื่อยๆนะลูก”  
เสียงของแม่สั่นเครือ มือทั้งสองข้าง ยังคงลูบสัมผัสลูกชาย ไล่ตั้งแต่เส้นผม ลงมาแผ่นหลัง สลับไปมา เหมือนไม่อยากจะปล่อยให้ห่างไป

ทันทีที่ไปถึง ผมจะติดต่อกลับมานะครับ”  
บยองฮอนคลายอ้อมกอดนั้น ยิ้มน้อยๆกลับไป

ขาดเหลืออะไรก็บอกมานะ กิมจิน่ะอย่ารอให้หมดซะก่อนล่ะ รีบบอกซะเนิ่นๆแม่จะได้ทำส่งไปให้ แล้วก็อย่าลืมใส่ถุงเท้าตอนนอนด้วย ที่นั่นฝนตกบ่อยใช่มั้ย เดี๋ยวจะเป็นหวัด ละก็พวกวิตามิน ถ้าหาซื้อที่โน่นไม่ได้ก็บอกมานะ  เอ.. มีอะไรอีกมั้ยนะ ยูจองแม่ลืมเรื่องอะไรไปอีกรึเปล่า..

บยองฮอนยืนฟังด้วยรอยยิ้ม ถึงจะจำไม่ได้ทั้งหมดที่แม่บอก แต่ทุกๆคำ มันมาจากความรักและความเอาใจใส่ กำลังใจของเขาตอนนี้ก็คือครอบครัว เมื่อเขาได้มีชีวิตที่อิสระสมใจ รู้สึกท้าทายกับประสบการณ์ในวันข้างหน้า แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะลืมความรักจากคนที่รอคอยเขาอยู่

เฮ้ย..!! นึกว่าจะมาไม่ทัน”    เสียงโหวกเหวกมาแต่ไกล กลุ่มเพื่อนในวงที่วิ่งกรูกันเข้ามาหา
ไหนบอกวันนี้มีเล่นไง?”   บยองฮอนถาม
ขอเลื่อนเวลาเค้าได้ เลยรีบมาส่งนายนี่ล่ะ ต้องมาให้เห็นหน้าซักหน่อย เผื่อต่อไปนายเป็นนักดนตรีชื่อดัง ตอนนั้นอาจจะคุยกันยาก ฮ่าๆๆ”    ประโยคหยอกเย้าจากเพื่อนร่วมวง

แค่จะมาบอกว่า พวกชั้นจะรอ ชั้นชอบฝีมือกีตาร์และวิธีเขียนเพลงของนาย จะให้หาใครมาแทนง่ายๆไม่ได้หรอก”  
คำพูดจากรุ่นพี่หัวหน้าวง พร้อมท่าทางพยักหน้ารับจากคนอื่น กลับสร้างความกดดันให้เขา

เรื่องกีตาร์ผมบอกไปแล้วนี่ครับว่า..
นายไปเรียน ไปทำในสิ่งที่ชอบซะ แล้วรีบกลับมารับผิดชอบวงต่อ.. เรื่องอื่นชั้นไม่รับรู้”    พูดจบก็ตบบ่าบยองฮอนป็นเชิงให้กำลังใจ
         

ไม่ต้องห่วงนะ คนที่นี่ชั้นจะช่วยดูแลให้”   
ชางบอมเดินมายืนประจันหน้า ความหมายที่เข้าใจกันแค่สองคน


 
กระเป๋าลากใบใหญ่สีเงินถูกมือบางลากห่างออกไปอีกครั้ง วันหนึ่งเขาจะกลับมา เมื่อนกน้อยตัวนี้ได้บินออกไปดูโลกสมใจแล้ว วันหนึ่งมันจะกลับมาที่เดิมที่มันเคยอยู่ กลับมาเล่าเรื่องราวมากมายแก่นกที่รอคอย ว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่ มันสนุกสนาน หรือมีอุปสรรคแค่ไหน


เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อาจจะมีเรื่องราวดีๆที่ทำให้จิตใจกลับฟูฟ่องได้อีกครั้ง




...ใครจะรู้ 


.


.


.


ดอกไม้ช่อโตถูกวางลงอย่างบรรจงหน้าป้ายหินอ่อน ร่างบางยืนมองพิจารณาป้ายหินนั้นครู่ใหญ่ ภาพของหญิงสาวที่แปะไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ยิ้มในแบบที่เขายังโหยหา..

แม่ไม่เปลี่ยนไปเลยนะครับ ยังสวยเหมือนเดิม”   ชานฮีระบายยิ้ม ย่อตัวลงเพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับรูปภาพ
ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แม่คงคิดถึงผมน่าดูเลย  ..ขอโทษนะครับ ที่ให้แม่ต้องรอนาน”    ตากลมโตเริ่มร้อนผ่าว

ผมจะมาบอกแม่ว่า อีกหน่อยเราก็จะได้มาอยู่ใกล้กันเหมือนเดิมแล้ว ผมจะได้มาหาแม่ทุกวัน ให้สมกับที่แม่คิดถึง
ร่างบางลงนั่งกับพื้นหน้าป้ายหินอ่อน

ถ้าผมโตกว่านั้นอีกหน่อย คงช่วยแบ่งเบาความเศร้าของแม่ได้บ้าง แม่คงจะบอกอะไรให้ผมฟังบ้าง อย่างน้อย.. ผมก็คงจะจำอะไรได้มากกว่านี้ ผมคงจำเสียงหวานๆของแม่ได้ เสียงกังวานที่แม่ถ่ายทอดมันมาให้ผม เสียงร้องที่ทำให้ผมได้เจอกับคนดีๆ คนที่รักผมจริงๆ  ..ขอบคุณนะครับแม่



สุดท้ายหยดน้ำก็ร่วงหล่น..


ลมเย็นที่พัดมา มันไม่ได้เหน็บหนาวอีกต่อไป อากาศที่เริ่มอุ่นขึ้นบ้างแล้ว ไม่เหลือร่องรอยของหิมะให้ได้เห็น ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็จะเต็มไปด้วยดอกไม้ที่กำลังจะผลัดดอกออกใบเพราะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูกาลที่ทำหน้าที่ของมันไป หมุนวนแบบไม่เคยหยุดพัก


ชานฮีหวังว่า ตัวเองจะเป็นได้เหมือนดอกไม้พวกนั้น ชีวิตที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่ แม้จะผ่านความหนาวเย็นจนแห้งโรยรา แต่เมื่อได้ไออุ่นจากแสงแดดอีกครั้ง ก็พร้อมจะตั้งต้นใหม่ ลมเย็นที่พัดผ่าน เหมือนอยากประโลมจิตใจที่อ่อนไหวให้กลับมาผลิบาน เติบโต และเข้มแข็งได้อีกครั้ง


หลายสิ่งที่ต้องพบเจอ ละทิ้ง แล้วก็เจอกับสิ่งใหม่ ชีวิตก็วนเวียนอยู่แค่นี้


สองขายังต้องก้าวไปข้างหน้า ใบหน้ายังคงยิ้มให้กับสิ่งดีๆที่เคยเกิดขึ้น และยิ้มรับสิ่งใหม่ๆที่กำลังจะเข้ามา ขอเพียงแค่เราเข้มแข็ง ผ่านเวลาที่เจ็บปวดไปได้


..เพียงแค่อย่าหมดหวังในการใช้ชีวิตให้มีความสุข


ความรักที่รอการฟูมฟักก็เช่นกัน แม้วันนี้จะคว้า จะจับต้องไม่ได้ แต่หวังว่าซักวันหนึ่ง ความรักนั้นจะกลับมาหาอีกครั้ง





...อาจจะเป็นพรุ่งนี้





-END-



나에게서 멀어지던 내시선 끝에 네가 아파
การมองเธอที่ห่างออกไปจากสายตาฉันน่ะ มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
자꾸 생각이나
เพราะฉันยังคงเก็บความทรงจำของเราเอาไว้
햇살이 아파 
แสงอาทิตย์นั้นช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
너와 함께걷던 거리가 아파
ถนนที่ฉันเคยเดินไปด้วยกันกับเธอมันช่างเจ็บปวด
내귓가에 스친 노래가 아파
เพลงที่ฟังอยู่มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน
나도 모르게 길을걷다가 눈물이나
ฉันกำลังเดินอยู่ แต่จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว


>>> Standing Egg (스탠딩 에그) - The Sun Hurt (햇살이 아파)

>>> Thaisub

lyrics : koreaindybyme.blogspot.com
thai trans : koreaindybyme.blogspot.com
video : standingEGG
Sub : มนุษย์ขน




คุยๆ:   จบแล้วค่ะ จบแบบนี้เลย >_< สรุปแล้วตอนจบเขียนยากที่สุด จะจบยังไง จะสรุปตัวละครยังไง ..ไม่ให้มันเศร้า เพราะเรื่องความรักมันคาดหวังอะไรกันไม่ได้


จริงๆฟิคเรื่องนี้มาไกลกว่าที่คิดเยอะมาก จากเดิมที่คิดว่าจะลองแต่งขำๆซัก2ตอน แต่พอลงมือเขียนจริง มันก็คิดโน่นคิดนี่ได้เยอะแยะ จะทิ้งก็เสียดาย จากเลยกลายเป็น10+ ซะงั้น ^ ^


ขอบคุณคนอ่านทุกคน และทุกๆคอมเมนท์ด้วยค่ะ ดีใจตามประสาคนแต่งที่มีคนชอบ หรือถ้าใครไม่ค่อยถูกใจตรงไหน ก็ยังอยากรับฟังนะ ยินดีค่ะ (ถ้ามีคราวหน้า) จะได้เอามาปรับปรุง


ปล. ขาดไม่ได้คือคนที่ให้คำปรึกษาตลอด ตั้งแต่เริ่มคิดจะเขียน ช่วยกระทั่งพรูฟคำผิดให้ (นางน่ารักนะ) ฝากเข้าไปติดตามฟิคของ @ThingByung  ด้วยนะคะ



สนุกกับการอ่านนะคะ ^-^



1 comments:

  1. อ่านจบด้วยความรู้สึกแบบหวิวๆข้างใน จบแล้ววววว มันแอบเศร้านิดๆแต่ยังยิ้มออกมาได้หน่อยๆ เป็นรอยยิ้มแบบที่ยิ้มออกมาหลังจากเข้าใจอะไรบางอย่างน่ะค่ะ เฮ้อ... : )

    ReplyDelete