Daybreak









 


















เสียงกังวานใส เป็นท่วงทำนองเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางครั้งก็มีการสลับโน้ตไปมา หรือบางทีที่ลองสลับห้องของทำนองและจังหวะดูบ้าง บยองฮอนกำลังปรับแต่งเพลงที่เขียนขึ้นใหม่ หาความลงตัวจนพอใจ

ร่างผอมบางบิดตัวไปมา ก่อนจะกระโดดขึ้นเตียง เครื่องเล่นmp3 เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพลงเดิมที่ถูกเปิดวนไปวนมาเมื่อต้องการแรงบันดาลใจ ทุกครั้งที่ได้ฟัง เขาจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความหลงใหล ทั้งใบหน้าเรียวได้รูปและน้ำเสียงบางใสดุจกระดิ่งลม นำพาให้เขาล่องลอยครั้งแล้วครั้งเล่า รอยยิ้มที่ผุดพรายขึ้นแบบไม่รู้ตัว


เขาเรียกมันว่า ความมีชีวิตชีวา


เสียงที่อยากจะเก็บไว้กับตัวเพียงคนเดียว คนที่เป็นเจ้าของเพลง อยากจะเป็นเจ้าของเสียงนั้นซะแล้ว


...เขาอาจไม่มีสิทธิ์


เมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ รอยยิ้มก่อนหน้าหุบลง เป็นเหมือนฟองสบู่ ลอยล่องขึ้นที่สูงและแตกกระจายกลางอากาศ


เขาควรจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร


เกือบทั้งอาทิตย์ ที่บยองฮอนได้แต่หงุดหงิด หลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องตัดสินใจประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งที่พยายามคิดแก้ไขไปทีละเรื่อง ..แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อจิตใต้สำนึกมีแต่ใบหน้าของใครบางคนตลอดเวลา แผ่นหลังที่เดินห่างออกไปวันนั้นยังรู้สึกเสียดาย ถ้าไม่โดนรั้งไว้ก็คงจะคุยกันไปแล้ว


...เพลงก็เขียนเสร็จแล้ว จะรออะไร


.  .  .


 ..ครับ     น้ำเสียงที่ไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ ยิ่งทำให้เขาลังเล
ชานฮี...”   บยองฮอนเรียกชื่อออกไปเหมือนจะหยั่งเชิงคนปลายสาย

 ... ’  

คงจะดีกว่า ถ้าได้ยินเสียงต่อว่าโวยวาย
แต่ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียอีก

เพิ่งเขียนเพลงเสร็จ.. ผมอยากให้คุณฟัง..คนแรก”   ใจไม่กล้าพอที่จะพูดออกไปตรงๆ ..คิดถึง ..อยากเจอ

...พูดไม่ออก


หัวใจอีกคนกระตุกวูบเมื่อได้ยิน เขายอมรับก็ได้ ..ว่าใจอ่อน

...คุยกันให้รู้เรื่องก็ดี ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาไม่มีกะใจจะทำอะไรเหมือนกัน


 มาหาที่ร้านสิ    เสียงตอบรับราบเรียบ ทว่าคนฟังหัวใจกลับฟูฟ่อง

.

.

.

สภาพอากาศแบบนี้ มีแววว่าหิมะคงจะตกอีกไม่นาน บยองฮอนนึกบ่นกับตัวเอง ไม่น่าประมาทอากาศหนาวเย็นภายนอกเลย แค่นี้ก็เกือบจะก้าวขาไม่ออกอยู่แล้ว ยิ่งถ้าต้องเจอกับหิมะตกอีก โค๊ทที่ใส่มาวันนี้คงเอาไม่อยู่แน่ สองขาที่พาตัวเองมาอย่างยากลำบาก หยุดยืนตรงหน้าป้ายไฟคุ้นเคยดวงเดิม
ที่เริ่มของความรู้สึกทุกอย่าง..

แต่คราวนี้มันต่างกัน เขาเป็นฝ่ายถูกชวนบ้าง หลังจากที่พยายามหาเหตุผลเพื่อที่จะได้เจอกันอีกครั้ง จะได้พูดคุยกันให้เข้าใจ ข้ออ้างเรื่องเพลงใช้ได้เสมอกับชานฮี เพลงใหม่ที่เพิ่งแต่งเสร็จและก็อยากให้ได้ฟังก่อนใคร เขารู้ว่าคนหน้าหวานไม่มีทางปฏิเสธถ้าเป็นเรื่องนี้ แต่สิ่งที่ถูกขอคือ อยากให้มาเจอกันหลังเลิกงาน แทนที่จะเป็นห้องชมรม


...จะเรียกว่าเป็นเดทได้มั้ย แล้วคราวก่อนถือว่าใช่รึเปล่า


ใบหน้ายกยิ้มทันที เหตุการณ์คราวนั้นยังจำรสชาติของมันได้ดี และยังอยากลิ้มลองมันอีก



ยืนยิ้มอะไรคุณ ไม่หนาวเหรอ
ฝันหวานของบยองฮอนหยุดลงชั่วคราว เมื่อเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยทัก แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบอะไร เจ้าของแขนเรียวเล็กคว้าข้อมือ ดึงเขาเข้าไปในร้าน

ความอบอุ่นที่รู้สึกได้ทันที แสงไฟสลัวแค่พอทำให้มองเห็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตา ช่างไม่ต่างจากวันนั้น บรรยากาศเหมือนเดิมทุกอย่าง
ที่ต่างไปก็คือ ไออุ่นจากมือบางๆที่ประคองข้อมือเขาไว้ ไม่ได้ว่างเปล่าหนาวเย็นเหมือนคราวก่อน เพียงแค่แอบมองมือบางที่เกาะกุมอยู่ ก็ทำให้อุ่นขึ้นมาถึงทรวงอก แค่สิ่งเล็กๆน้อยๆกลับทำให้เขาเต็มตื้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ


ไปไหนน่ะ”   ร่างผอมบางเอ่ยถามเมื่อชานฮีลากเขาเดินลึกเข้าไปด้านในร้าน
อืม..ผมเรียกมันว่าสวรรค์”   ชานฮีหยุดคิดนิดนึง ก่อนตอบโดยไม่ได้หันมามอง

...?!...   

ไม่เช่นนั้น เขาคงจะได้เห็นใครบางคน ที่ตอนนี้ถลึงตากับสิ่งที่ได้ยิน

บยองฮอนพยายามส่ายหัว ปัดความคิดเหลวไหลของตัวเองทิ้ง

...คงไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกน่า


ไม่รอให้เสียเวลา ชานฮีจัดการปลดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกจากบ่าบยองฮอน วางพาดตามยาวหน้าเคาท์เตอร์ ต่อด้วยเสื้อโค๊ทที่ดูเหมือนจะเกะกะ
เดี๋ยวๆคุณ ใจเย็น!”   เสียงทักท้วงจากร่างผอมบาง ที่ตอนนี้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

ทันทีที่โค๊ทถูกปลดออก ชานฮีค่อยๆดันหน้าอกบยองฮอนให้ถอยหลังเข้าไปด้านในเคาท์เตอร์ พร้อมตัวเองที่ค่อยๆก้าวตามไปติดๆ

ความสนใจในตัวบยองฮอนเปลี่ยนไป เมื่อชานฮีหันกลับไปรูดซิบกระเป๋าใบใหญ่ หยิบกีตาร์ออกมายื่นกลับให้เจ้าของ

กีตาร์คลาสสิค..?”   ชานฮีนึกสงสัย เพราะมันผิดกับทุกครั้งที่จะเห็นบยองฮอนเล่นกีตาร์โปร่ง
อืม เพลงนี้มันต้องเสียงกีตาร์คลาสสิค”   เขาเพียงตอบกลับแค่นั้น ทั้งทียังตกใจกับท่าทีของคนตรงหน้า

บยองฮอนเผลอสะดุ้งเบาๆ เมื่อชานฮีโน้มตัวผ่านเขาไปแบบไม่บอกให้รู้ตัว ..เพื่อจะหยิบอะไรบางอย่างจากด้านหลัง


...หอม


ตาเรียวเล็กผ่อนลงจนเกือบปิดสนิท ตักตวงกลิ่นไอของอีกคน กลิ่นแป้งอ่อนๆที่ปราศจากของปรุงแต่ง กลิ่นหอมที่เป็นธรรมชาติ
เขาละโมบ ..อยากกักเก็บเอาไว้กับตัว


...!!...

เมื่อตาเรียวเปิดขึ้นมาเจอกับตากลมโตคู่เดิม ที่หรี่มองเหมือนจะจับผิดอะไรซักอย่าง บยองฮอนจึงเพียงแค่แสยะยิ้มกลับไป

ผมเปิดลำโพงรอไว้แล้ว สายนี่ น่าจะเสียบกับกีตาร์คุณได้นะ
ปลายอีกด้านของสายแจ็คกีตาร์ถูกยื่นมาตรงหน้าบยองฮอน และเมื่อเห็นว่าเสียบเข้ากับตัวกีตาร์ได้พอดี ชานฮีจึงยกยิ้ม



ตรึ้งงงงง...

บยองฮอนถึงกับตาลุกวาว ความก้องกังวานของเสียงกีตาร์ที่พุ่งเข้าหาตัวจากทุกทิศทุกทาง สร้างความประหลาดใจให้เขาไม่น้อย

วิเศษเลย..”   ตาเรียวเล็กยิ่งโค้งลง เมื่อรอยยิ้มปรากฏ
ใช่มั้ยล่ะ แล้วยิ่งเป็นเสียงกีตาร์แบบนี้นะ ยังกับเสียงพิณสวรรค์  ชานฮีกอดอกอย่างพอใจ มันไพเราะอย่างที่เขาคิดไว้ 

“..อ่อ..”  
เมื่อความเข้าใจบังเกิด บยองฮอนแทบจะยกมือตบหน้าผากตัวเองในทันที กับความคิดเหลวไหลก่อนหน้า


คำว่า สวรรค์ ของชานฮี


เคยฟังแต่เพลงจากแผ่น คราวนี้จะได้ลองกับเสียงกีตาร์ของคุณซะเลย แบบนี้ได้บรรยากาศดีนะ

บยองฮอนรู้สึกใจชื้นขึ้น รอยยิ้มในแบบที่เขาชอบ มีให้เห็นอีกครั้ง แม้จะรู้สึกสนุกที่เคยแกล้งให้โกรธ แต่รอยยิ้มก็ยังเหมาะกับใบหน้าหวานๆนี้มากกว่า



ยิ้มให้ผมแบบนี้ตลอดไปได้มั้ยชานฮี”  

คำขอที่แฝงความหมายมากมาย สุดแล้วแต่คนฟังจะสัมผัสมันได้แค่ไหน



ไม่มีคำตอบ..


ชานฮีเดินห่างออกมา ปล่อยให้พื้นที่ด้านในเป็นของบยองฮอน กระเป๋ากีตาร์ใบใหญ่ถูกเกี่ยวไว้กับที่แขวนเสื้อโค้ท ยกตัวขึ้นนั่งบนขอบเคาท์เตอร์ด้านนอก ใบหน้าเรียวเล็กส่งสัญญาณให้บยองฮอนกลับไปสนใจกับกีตาร์อีกครั้ง

และรอฟังอย่างตั้งใจ


บยองฮอนจึงเริ่มบรรจงไล่เรียงนิ้วมือไปตามสายเสียง บทเพลงบรรเลงที่มีแค่เสียงกีตาร์ ส่งเสียงพลิ้วไหว



>>> ♪♫





ความนุ่มทุ้มจากสายเอ็นของกีตาร์คลาสสิคสีน้ำตาลอ่อน เนื้อเสียงของมันทำให้ผ่อนคลาย ไม่ว่ากี่ครั้งที่ได้ฟังเพลงจากปลายนิ้วนี้ ชานฮีจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นต้นไม้ สดชื่น ชุ่มฉ่ำเหมือนได้ฝน ในขณะเดียวกัน ก็ถูกโอบกอดจากไอแดด ให้อบอุ่น และปลอดภัย

ตั้งแต่สูญเสียแม่ไป การใช้ชีวิตก็แค่ให้มันผ่านไปวันๆ ไม่มีสิ่งที่ใฝ่ฝัน ไม่มีจินตนาการ ทดแทนสิ่งที่ขาดหายและหล่อเลี้ยงตัวเองด้วยเสียงเพลง

แต่เพลงที่เคยได้ยินได้ฟังมากมาย ไม่เคยทำให้อิ่มเอิบใจได้เท่าเพลงของผู้ชายคนนี้ ชานฮีรู้สึกถึงความเว้าแหว่งได้ถูกเติมเต็มอีกครั้ง

เพลงของผู้ชายคนนี้  ..ทำให้เขารู้สึกสมบูรณ์


ชานฮีรับปากไม่ได้ว่า จะมีรอยยิ้มให้คนคนนี้ไปได้นานแค่ไหน ส่วนขาดวิ่นในจิตใจมากมายนั่นคือปัญหา เมื่อความรักที่เคยมีอย่างมากมายได้ถูกความตายพรากไป ให้ต้องรู้สึกทรมานและเจ็บปวด การจะมีความรักครั้งใหม่จึงเป็นสิ่งน่ากลัว   ..กลัวการพลัดพราก


ถ้าถึงวันที่ต้องเสียมันไป ถ้าความสมบูรณ์ต้องเว้าแหว่งลงอีกครั้ง
..เขาจะทรมานแค่ไหน


ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หวือหวา และฉาบฉวย อาจเป็นเพียงความสัมพันธ์ที่เปราะบาง และไม่มั่นคง สิ่งสวยงามที่มีให้กัน มันไม่ยากเลยที่จะดึงดูดให้หลงใหล แต่หากต่อไปส่วนมืดดำของใครคนใดคนหนึ่งผุดขึ้นให้เห็น ..แล้วมันจะเป็นอย่างไร จะทำใจยอมรับได้หรือไม่ จะเคียงข้างกันตลอดไปได้หรือเปล่า   ..หรือสุดท้ายก็ต้องสูญเสีย


ชานฮีค่อยๆปิดเปลือกตาลง ซึมซับสิ่งที่กำลังได้ยิน แม้จะเป็นท่วงทำนองที่สดใส แต่ถ้าลองฟังให้ดีเส้นเสียงเหล่านั้น มันแฝงความรู้สึกบางอย่าง


เหงา...   เขารู้สึกอย่างนั้น


และถ้าเพียงเพราะความเหงา เขาควรจะหยุดมันแค่นี้ดีหรือเปล่า

หยุด.. ก่อนที่จะคิดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะสุดท้ายคนที่เสียใจที่สุดอาจจะเป็นเขาเอง

...เหมือนแม่


ความรู้สึกสองด้านกำลังตีกันจนก้อนเนื้อตรงอกกระตุกไหว

พร้อมหรือยังที่จะเสียมันไป




ชานฮี..” 
เสียงกีตาร์หยุดลง แทนที่ด้วยเสียงเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา


เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นตามสัญชาตญาณ

ความเปียกชื้นที่แก้ม


...น้ำตา?



กีตาร์ถูกวางพิงไว้ บยองฮอนเดินเข้าไปหาใบหน้าเรียวเล็กที่เพิ่งเบี่ยงหลบสายตา มือบางที่กำลังยกขึ้น ถูกมือเขายึดไว้ ใช้อีกมือประคองใบหน้าเรียวนั้นให้เชิดขึ้นเพื่อสบตา ค่อยๆบรรจงเกลี่ยนิ้วมือปาดไล่น้ำตาบนพวงแก้ม

เขาอยากเป็นคนเช็ดน้ำตาให้เอง..



ยังโกรธเหรอ”   บยองฮอนเอ่ยถามเบาๆ ตาเรียวเล็กที่ยังเพ่งมองเข้าไปในลูกตากลมโต มือเรียวยังคงประคองพวงแก้มนั้นไว้

ชานฮีเพียงแค่ส่ายหน้า

หรือว่าหิว..?”
ใครเค้าจะหิว..จนน้ำตาไหล”  เสียงอู้อี้ท้ายประโยค ทำให้บยองฮอนต้องอมยิ้ม


...ต้องทำอะไรให้ชัดเจนแล้ว


บยองฮอนพิงตัวกับความสูงของเคาท์เตอร์ที่ชานฮีนั่งอยู่ คนหนึ่งนั่ง คนหนึ่งยืน ใบหน้าเรียวเล็กสูงกว่าระดับสายตาเขาเล็กน้อย

ผมแค่อิจฉาชางบอม”   อยู่ๆบยองฮอนก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ตาเรียวเล็กกดต่ำลง
ยิ่งเห็นคุยกันสนิทสนมก็ยิ่งหงุดหงิด จนผมกลายเป็นคนแปลกหน้า”   ความไม่มั่นใจบ่งบอกออกมาทางร่างกายชัดเจน บยองฮอนเอาแต่ก้มหน้า เล็บมือจิกกันไปมาแบบไม่รู้สึกเจ็บ

“..และผมก็เมา ปากมันก็เลยเสีย..

ชานฮีที่นั่งฟังอยู่เงียบๆถึงกับอ้าปากจะแย้ง

“..กว่าเดิม”  
แต่บยองฮอนก็รีบพูดขึ้นซะเอง

ปากที่กำลังเผยอค้าง ถูกแทนที่ด้วยยิ้มบางๆ
รู้ตัวนี่”   

บยองฮยอนยกมือลูบต้นคอ แบบเคยตัว


คุณแคร์ผมขนาดนั้นเลยเหรอ”   
น้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังอีกครั้ง บยองฮอนรู้สึกได้ เขาแค่เพียงก้มอมยิ้ม

คุณคิดจะคบกับผมจริงจังหรือเปล่า    


ชานฮียังเป็นผู้ชายที่ทำให้บยองฮอนตกใจได้เสมอ เขาถึงกับหันไปสบตา กับดวงตาอีกคู่ที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

นิ่งไปซักครู่



แล้วคุณคิดว่าไง”  บยองฮอนถามด้วยเสียงราบเรียบ
เรื่องแบบนี้ คิดเองคนเดียวก็คงจะไม่ได้..



ผมว่า.. เราพอแค่นี้เถอะ

เหมือนแก้วที่ทำหลุดมือ ร่วงหล่นพื้น  ..แตกกระจาย

ทั้งปวดแปลบ และเจ็บจุก

ขอเหตุผลดีๆ ผมจะฟัง”   เสียงสั่นเครือที่พยายามสงบสติตัวเองไว้

ชานฮีรับรู้ท่าทีและแววตานั้น มันก็ไม่ต่างจากเขาเอง ความรู้สึกที่กำลังทะยานขึ้นที่สูง ตื่นเต้น สวยงาม จนไม่อยากสูญเสีย

แต่เขาต้องเลือก..

วันหนึ่งคุณอาจจะเสียใจเพราะผม
เขาเลือกที่จะหยุด เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจมากไปกว่านี้

ไม่เข้าใจ!”   บยองฮอนน้ำเสียงแข็งกร้าวตามอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น

ผมไม่มีสิทธิ์รักใครตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โชคชะตาคงอยากให้ผมอยู่คนเดียว วันนึงผมจะลืมทุกอย่าง ลืมเสียงเพลง ลืมคุณ หรือแม้กระทั่งลืมตัวเอง..”   ชานฮีเสียงแผ่วลงกับประโยคสุดท้าย

สายตาที่ยังคงมองมาอย่างขุ่นเคือง ชานฮีรู้สึกปวดใจที่จะต้องพูดอะไรแบบนี้กับคนที่คิดว่า ..สำคัญ
ถ้าผมไม่ปกติ ไม่ได้เหมือนคนทั่วไป..    

รู้มั้ย ผมกับชางบอมรู้จักกันได้ยังไง?”   
บยองฮอนจงใจพูดแทรกขึ้น ตากลมโตมีแววประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เรื่องราวของชานฮีเขารับรู้จากชางบอมมาตลอด คนที่ต้องเจอกับอะไรมากมาย เจอกับการสูญเสียมาโดยตลอด เกราะกำบังที่สร้างขึ้นแบบไม่ตั้งใจเพื่อป้องกันตัวเองจากสิ่งที่กลัว ความกลัวที่จะต้องเสียอะไรไปอีก คงจะเอาเปรียบกันเกินไป ถ้าเขาจะรู้เรื่องราวของชานฮีเพียงฝ่ายเดียว

สิ่งที่อยากจะลืมไป ไม่คิดว่าจะต้องหยิบมาพูดถึงอีกครั้ง

ผมย้ายตามพ่อไปอเมริกา เด็กใหม่หัวดำตัวเล็ก เป็นธรรมดาที่จะถูกแกล้ง เพราะผมไม่มีเพื่อนเลยไม่มีที่พึ่ง พอบ่อยเข้าก็ไม่อยากไปโรงเรียน จนครูและที่บ้านเริ่มผิดสังเกต แต่ผมก็ไม่ได้บอกอะไร ก็แค่อ้างโน่นนี่ไปเรื่อย ซึ่งสำหรับผู้ใหญ่มันคงฟังดูไร้สาระ”   ใบหน้าบยองฮอนยังคงสงบ

ผมเริ่มคิดว่าต้องสู้ แต่ยิ่งสู้ก็ยิ่งโดนหนักขึ้น จนวันนึงเด็กพวกนั้นบอกจะรับผมเข้ากลุ่ม ถ้าผมยอมไปตามนัด”  
บยองฮอนหันมาสบตากับชานฮีที่ตอนนี้กำลังตั้งใจฟังเขาอย่างจดจ่อ เหมือนจะลืมเรื่องตัวเองไปชั่วคราว เขาส่งยิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าต่อ

ทะเลสาบหลังโรงเรียน ที่เด็กๆชอบมานั่งเล่นพักผ่อนกัน ถ้าไม่ใช่วันหยุดแบบวันนั้น..”   บยองฮอนสูดอากาศเรียกพลังให้ตัวเองเล็กน้อย

ผมถูกพวกมันหลอก ..เกือบจะจมน้ำตาย คนที่ช่วยไว้ก็คือชางบอม”   บยองฮอนหันมามองชานฮีอีกครั้ง สิ่งที่ได้ยินทำให้ตากลมนั้น ยิ่งดูโตกว่าเดิม

โชคดีว่าเจ้านั่น แอบมานอนเล่นแถวนั้นพอดี ชางบอมย้ายมาเรียนก่อนผม ผ่านเรื่องพวกนี้มาหมดแล้ว คุณน่าจะพอเดาได้ นิสัยอย่างเจ้านั่น เด็กพวกนั้นคงไม่อยากจะมีเรื่องด้วยหรอก
ชานฮีพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย ชางบอมดูเป็นเด็กสงบเสงี่ยมในเวลาปกติ นอกจากจะมีใครมารังแกหรือทำให้ไม่พอใจ ก็จะกลายเป็นคนที่น่ากลัว

มันยังไม่จบแค่นั้น พวกมันทำเกินไป”   บยองฮอนนิ่งไปนิด ตาเรียวแข็งกร้าวขึ้น

ผมเอาคืนแบบที่พวกมันทำกับผมนั่นแหละ!

แล้ว..  มีใครเป็นอะไรมั้ย”  ชานฮีถามอย่างหวั่นใจ

บยองฮอนส่ายหน้า
ผมไม่ได้อยากให้มันตาย แค่ให้พวกมันได้บทเรียนบ้าง”   พอจบประโยค ชานฮีถึงกับพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

พอเรื่องนี้รู้ถึงหูของครูกับพ่อแม่ ผมกลับถูกมองว่าเป็นเด็กมีปัญหา อารมณ์ฉุนเฉียว จนถูกพาเข้าบำบัด   ..ตลกชะมัด!”   บยองฮอนก้มหน้ายิ้มให้ตัวเอง

มีแต่เจ้านั่นนี่ล่ะ ที่เป็นเพื่อน”  
บยองฮอนมองคนข้างๆอีกครั้ง ยืนตัวขึ้น คร่อมแขนตัวเองไว้ข้างๆต้นขาเรียว ประจันหน้าสบตากับชานฮี

ผมก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไร แค่คิดว่าเราควรลืมเรื่องที่กวนใจพวกนั้นไป แล้วมีชีวิตใหม่ซะ    
บยองฮอนกำลังศึกษานัยน์ตาคู่นั้น

ชานฮี สิ่งที่ดีก็คือคุณรู้สึกกับผม และผมก็รู้สึกแบบเดียวกันกับคุณ อะไรจะดีไปกว่าเรารู้สึกเหมือนกัน ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เราจะค่อยๆเรียนรู้กัน อาจจะมีทะเลาะกันบ้าง แต่อย่าลืมสิ เรารู้จักกันได้ยังไง ผมว่ามันก็ไม่ต่างกับตอนที่เราเจอกันนะ ต่อปากต่อคำกันมาก็ไม่น้อย
ทั้งคู่อดยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องผิดใจเล็กๆน้อยๆตั้งแต่รู้จักกัน

ปล่อยความรู้สึกให้เป็นไปตามธรรมชาติ ซื่อสัตย์กับมัน เราอาจจะเจอปัญหา แต่ผมสัญญาว่าเราจะช่วยกันคิด จะประคองมันไปให้ไกลที่สุด”  
ตากลมโตที่เริ่มสั่นไหว ทำให้บยองฮอนเปลี่ยนมาเกาะกุมมือ แรงสั่นน้อยๆที่เขารู้สึก ยิ่งทำให้ต้องกระชับมือนั้นให้แน่นขึ้นอีกนิด ให้มือบางคู่นั้นรู้สึกอุ่นใจ

ถ้ามันไปไม่ไหวจริงๆ เราจะยอมรับและมองกันอย่างเข้าใจ เราจะไม่ทำอะไรที่ต้องเกลียดกัน ผมจะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น เราทำมันได้ชานฮี อย่ากลัวในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะชีวิตมันไม่แน่นอน ในวันที่ยังหายใจ ยังมีสติรู้ เมื่อมีความสุขก็ต้องรู้จักตักตวงมัน อย่าผลักไส



คุณอยากรู้ความหมายของเพลงนี้มั้ย”  

บยองเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะมองหน้าชานฮีได้ถนัด สายตาที่มองกลับมาเป็นการรอคำตอบ
ผมตั้งชื่อมันว่า daybreak ที่แปลว่ารุ่งอรุณ

บยองฮอนเสมองไปทางอื่นเล็กน้อย
ที่ชมรมวันนั้น เราเจอกันก่อนฟ้าสาง ในเวลาที่ทุกอย่างยังมืดมิด ผมให้มันแทนความรู้สึกขุ่นมัวของทั้งคุณและผม แต่ในวินาทีที่เรา..
บยองฮอนหยุดลงเล็กน้อย พยายามคิดหาคำพูดที่เหมาะสม
“ ..รู้จักกันมากขึ้น   มันเป็นเวลาเดียวกับที่พระอาทิตย์เริ่มส่องสว่างเข้ามา แสงสว่างจะทำให้เห็นหนทางที่จะก้าวออกไปสู้กับความรู้สึกตัวเองอีกครั้ง อาจจะต้องเสียใจกับสิ่งที่ได้กลับมา ..ก็ไม่เป็นไรนี่ เราก็แค่รอแสงของวันต่อๆไปมาเติมพลัง ความพยายามจะไม่มีวันหมด ตราบใดที่ยังมีแสงแห่งรุ่งอรุณ



เพลงนี้มันเป็นของคุณ..”   
เสียงที่เบาลงทำให้ชานฮีวูบไหวในอกอีกครั้ง


ทั้งคู่ยังคงจับจ้อง แลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกันผ่านทางสายตา


เปิดใจให้ผมเถอะนะ  ..ชานฮี



ทั้งสองมือของบยองฮอน เปลี่ยนจากการเกาะกุม เป็นยกขึ้นประคองพวงแก้ม ที่ตอนนี้คราบน้ำตาได้เหือดแห้งไปหมดแล้ว สายตาที่ยังไม่ละจากกันกำลังส่งภาษาที่รู้กันแค่สองคน เจ้าของใบหน้าเรียวเล็กค่อยๆโน้มหน้าลงต่ำ พร้อมกับอีกคนที่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ตำแหน่งของริมฝีปากที่เหมาะสมตรงเข้าประกบหากันอย่างนุ่มนวล สัมผัสแบบเดิมกลับมาอีกครั้ง ช่างเบาหวิวไม่ต่างจากคราวที่แล้ว ยังคงรู้สึกแปลกใหม่ เย้ายวนใจให้ตื่นเต้น เป็นสัมผัสที่ทั้งคู่โหยหา และตอบสนองให้กันและกันอย่างเต็มใจ



ริมฝีปากยังคงแนบชิด พายุหิมะที่กรรโชกอยู่ด้านนอก สัญลักษณ์ของความหนาวเหน็บ ไม่อาจเบนความสนใจ หรือทำลายความร้อนรุ่มของทั้งคู่ได้เลย





-TBC-




Note ♪♫ : เพลง 새벽 (daybreak) เป็นของศิลปินชื่อ July ค่ะ




คุยๆ เป็นพาร์ทที่เขียนแล้วก็อดอมยิ้มเองไม่ได้ 555
ต้องยกความดีความงาม รวมทั้งความหวานให้ทริปฮาวาย
เป็นพาร์ทบยองชานเต็มๆ  ..ตัดไม่ลง




ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^-^







1 comments:

  1. โอ๊ยยยยยย ทั้งลุ้นทั้งยิ้มแก้มปริเลยค่ะกับตอนนี้ คำพูดของบยองฮอนแต่ละประโยคช่างโดนใจ เวลาอ่านแล้วรู้สึกถึงแรงดึงดูดของสองคนนี้จังค่ะ มันให้ความรู้สึกว่าน่ารักและทำให้อมยิ้มเล็กๆ แม้กระทั่งตอนเขาเถียงกันก็ยังรู้สึกว่าน่ารัก จะง้อเขาทั้งทีก็ยังแอบมีฟอร์ม😁😁😁

    ReplyDelete