Wild Things





คุณจะต้องการแสงไฟเมื่อมันใกล้ดับลง
คุณคงต้องคิดถึงดวงตะวันเมื่อหิมะเริ่มโปร­ยปราย
และคุณจะรู้ได้ว่ารักเธอมากแค่ไหน ต่อเมื่อเสียเธอไป...

คุณจะรู้ว่าเคยอยู่สูงแค่ไหน ต่อเมื่อคุณรู้สึกตกต่ำลง
คุณคงจะเริ่มเกลียดถนนเมื่อต้องจากบ้านมา
และคุณจะรู้ได้ว่ารักเธอมาแค่ไหน ต่อเมื่อเสียเธอไป
และคุณก็ปล่อยให้เธอจากไป...



















ประตูห้องถูกปิดลงอย่างเบามือ ร่างผอมบางทิ้งตัวเองลงกับเตียง

เขากำลังจะหลอกตัวเองได้สำเร็จ กำลังจะลืมข้อจำกัดของตัวเองได้แล้วแท้ๆ การยอมรับต่อถ้อยคำหว่านล้อมต่างๆนานา ทำให้รู้ว่าตัวเองอ่อนแอแค่ไหน


...ทำไมถึงรักง่ายแบบนี้ ชานฮี


ใบหน้าที่จมลงกับหมอน ปล่อยให้ความคิดตัวเองพรั่งพรูออกมา
ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ก็ไม่เคยลืมตาคู่นั้นได้เลย..  




มือบางที่สอดเข้าใต้หมอน หยิบความทรงจำที่เป็นรูปธรรมเพียงอย่างเดียวออกมา


...รูปถ่ายในกรอบกระจกใส...


ด้านหนึ่งเป็นรูปครอบครัวเล็กๆ พ่อ แม่ และเด็กทารกในอ้อมกอด อีกด้านเป็นรูปเด็กผู้ชายตัวน้อยกำลังนั่งอยู่บนตัก ถูกโอบกอดด้วยรักจากผู้เป็นแม่ ทุกคนในภาพมีใบหน้ายิ้มแย้ม  ..รอยยิ้มที่เป็นเหมือนความสวยงามเล็กๆของโลกใบนี้


หลังจากที่กลับจากสุสาน ทำให้เขาคิดถึงมันอีกครั้ง ท่าทีที่เปลี่ยนไปของพ่อตั้งแต่แม่เริ่มเข้ารักษาตัว ต้องมีเหตุผลซักอย่าง เรื่องราวของแม่ถูกตั้งคำถามขึ้น และความฝันในคืนนั้น ทำไมมันช่างคุ้นเคย เหมือนเคยเห็น เคยผ่านตา..

ชานฮีตัดสินใจกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อหาคำตอบ


...จริงๆแล้วแม่เป็นอะไร

...สิ่งที่มาช่วงชิงลมหายใจของแม่ไปคืออะไร


.

.

.


เด็กผู้ชายตัวผอมบาง ยืนแน่นิ่ง มองร่างไร้ลมหายใจ ร่างกายที่นอนแผ่อยู่กับพื้นห้องน้ำ ข้อมือที่อาบไปด้วยของเหลวสีแดงสด ไหลนองออกมาจนเปลี่ยนสีพื้นให้แดงฉาน ทั้งห้องตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวคละคลุ้ง จนอยากจะอาเจียน

ร่างกายแข็งทื่อ มือไม้ แขนขา ..เกร็งไปทั้งตัว


กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!
เสียงเล็กแหลม หวีดร้อง ดังก้อง เรียกสติของเด็กคนนั้นให้กลับมาอีกครั้ง  


..พรึบ!!..
ร่างเล็กทรุดตัวลงกับพื้น


ชานฮี! ชานฮี!”  
ร่างกายที่ถูกโอบไว้ ชื่อของเขาที่ถูกเรียกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดวงตากลมโตยังคงเบิกโพล่ง มองเขม็งแต่กลับเลื่อนลอย ร่างกายสูญเสียการตอบสนอง..


แย่แล้ว..!!”

เสียงที่ได้ยินมีเพียงแค่นั้น ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะมืดสนิท สติหลุดลอย

.

.

.


..ไม่มีใครรู้นะว่าเด็กนั่นยืนมองศพแม่ตัวเองอยู่นานแค่ไหน กว่าที่นางพยาบาลจะเข้าไปเจอ”   
คำบอกเล่าจากป้าของชางบอม

ถ้าชั้นเล่าเอง ก็กลัวนายจะไม่เชื่อ เลยต้องรบกวนคุณป้า”   ชางบอมอธิบายเพิ่มเติม

หลังจากตอบตกลงคำขอของชางบอม บยองฮอนสงสัยในทีแรกว่าทำไมต้องมาเจอกันที่บ้านของคุณป้า แต่ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว 

แล้วยังไงต่อครับ?”   คำอธิบายของชางบอม ไม่ได้อยู่ในความสนใจเขาเลย

พยาบาลเล่าว่า เด็กคนนั้นช็อคสุดขีด หลังจากสลบไปก็เป็นไข้หนัก พอฟื้นตัวขึ้นมาก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย”   
หญิงกลางคนได้แต่ถอนหายใจ แววตาหม่นลง ก่อนจะเล่าต่อ

ไม่รู้ว่าเป็นโชคดี หรือโชคร้าย เด็กคนนั้นกลับจำเรื่องการตายของแม่ตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

วันนึงผมจะลืมทุกอย่าง ลืมเสียงเพลง ลืมคุณ หรือแม้กระทั่งลืมตัวเอง” 
...คำพูดในวันนั้น ถ้าชานฮีจำไม่ได้ ไอ้ประโยคนั้นมันคืออะไร?

บยองฮอนรู้สึกหนักอึ้งในหัว ประโยคที่เคยได้ยิน ไม่คิดเอะใจ  ..ยังไม่เข้าใจ


“..จำไม่ได้..   เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิง.. เอ่อ กับคุณแม่ของชานฮีครับ”  
คำเรียกที่เปลี่ยนไป ..ไม่อยากใช้คำที่ดูเป็นคนอื่น แค่รู้สึกอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของชานฮี


คุณน้าฆ่าตัวตาย..”  


...!!!...
บยองฮอนตาเบิกโพล่ง หันไปมองหน้าเพื่อน


ชางบอมนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รวบรวมพลัง ก่อนจะตอบออกไป
คุณน้าใช้เศษกระจกในห้องน้ำ กรีดข้อมือตัวเอง

หมอบอกเป็นเพราะอาการทางประสาท..

ปะ ประสาท..เหรอ!?   คำพูดที่แทบไม่อยากจะหลุดจากปาก ..มันยากที่จะเข้าใจ

เพราะเครียดกับอาการป่วยจนเกินไป เลยมีอาการแบบนั้นเข้ามาเกี่ยวด้วย มันเป็นภาษาหมอ ป้าก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่..”   หญิงวัยกลางคนหน้าเสียเล็กน้อย ที่ไม่สามารถบอกอะไรให้ชัดเจนกว่านี้ได้

มันเป็นผลมาจากความกดดันตัวเองจากอาการป่วย บวกกับภาวะทางจิตใจที่อ่อนแอของคุณน้า อยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้แหละ คุณอา.. เอ่อ คุณพ่อของชอนจิจึงต้องพาเข้ารักษา เพราะยิ่งนับวัน อาการทางประสาทก็ยิ่งหนักขึ้น”   ชางบอมอธิบายเพิ่ม

อาการป่วย.. ตกลงแม่ชานฮีเป็นอะไร ทำไมมันถึงดูซับซ้อน!”   บยองฮอนขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย หงุดหงิดกับคำถามที่มันกระจัดกระจายไปหมด

คุณน้าเป็นโรคสูญเสียความจำ”   ชางบอมพยายามใช้น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้ากดมองต่ำ

“..อัลไซเมอร์   ..นะเหรอ”   เสียงบางเบาจากริมฝีปากบาง พูดทวนคำ ย้ำให้แน่ใจ

ป้าก็ไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้แล้วล่ะ เหมือนทั้งหมอทั้งพยาบาลก็ไม่พยายามจะพูดถึงอีก”   หญิงกลางคนว่าจบ ก็ถอนหายใจอีกครั้ง

นึกแล้วก็เสียดายนะ แม่ลูกคู่นี้ ทุกคนในโรงพยาบาลจำได้ดีเลยล่ะ ใครๆก็พูดถึงตั้งแต่เข้ามารักษาตัวใหม่ๆแล้ว บ่อยครั้งจะเห็นนั่งร้องเพลงด้วยกัน เสียงเล็กบางจากเด็กน้อยกับเสียงนุ่มหวานของหญิงสาว มันช่างฟังดูเข้ากัน ไม่ว่าใครก็ต้องหลงใหลเหมือนโดนสะกด” 

บยองฮอนสังเกตได้ถึงรอยยิ้มเล็กๆบนมุมปากของป้าบอม

ครับ มันเพราะมาก..”   เหมือนลืมตัว ประโยคเลื่อนลอยที่ออกมาจากปาก

นายเคยได้ยิน?”  ชางบอมหันขวับไปถาม

เอ่อ.. ก็ไม่เชิง..”  คำพูดติดขัด เมื่อรู้ตัวว่าพลั้งพูดอะไรปากไป


...ไม่รู้จะบอกชางบอมยังไง


คุณป้าเล่าต่อสิครับ”  
 ยังไม่ใช่เวลามาตอบคำถาม ความสนใจเดียวของเขาตอนนี้คือเรื่องของชานฮี

แม่ลูกเค้าไม่ได้มีความสุขกันแค่สองคนหรอกนะ แต่กลับส่งความสุขนั้นมาถึงคนรอบตัวด้วย ..ทุกคนที่ได้ฟัง”   เมื่อได้นึกถึงอีกครั้ง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ขยายกว้างขึ้น

ป้ากับแม่เราเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ แม่เราเค้าชอบมากนะ แม้จะยังเสียใจกับเรื่องของพ่อเรา หรือว่ากำลังเศร้าเพราะอาการป่วย รู้ตัวว่ากำลังจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ทุกครั้ง เสียงของผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้แม่เรามีกำลังใจขึ้น แม่เค้าอยู่ได้เพราะหลาน แล้วก็เสียงเพลงนั่นนะ”   
น้ำเสียงของป้าที่อ่อนโยนขึ้น มือบรรจงลูบหัวไหล่หลานชายอย่างเอ็นดู ดวงตาสื่อสาร   ..อยากปลอบขวัญ



ร่างกายเหมือนกำลังถูกกดทับด้วยวัตถุหนักชิ้นใหญ่ ทั้งเจ็บจุกและอึดอัดไปทั่วทรวงอก แค่เป็นคนรับฟัง ยังหนักหน่วงอะไรขนาดนี้


..แล้วกับชานฮี คนที่เจอกับตัวเอง


น้ำตาที่ตั้งใจปล่อยให้ไหลออกมาอย่างไม่อาย ยังน้อยไปกับความเจ็บปวดทรมานของชานฮี น้ำเสียงแผ่วเบา ร่างกายบอบบางและจิตใจอ่อนไหวที่เขาสัมผัสได้นั้น ผ่านเรื่องหนักๆแบบนั้นมาได้อย่างไร


“..แอล ..โจ”  

ชางบอมยอมรับว่าตกใจ เพราะตั้งแต่วันที่บยองฮอนจมน้ำ เขาก็ไม่เคยเห็นน้ำตาของเพื่อนคนนี้อีกเลย ที่ตั้งใจให้บยองฮอนรู้เรื่องนี้ เพราะเขาต้องการหยุดความสัมพันธ์ ก่อนที่คนสำคัญในชีวิตของเขาทั้งสองคนจะต้องเจ็บปวดด้วยกันทั้งคู่

ปฏิกริยาของบยองฮอนที่เห็นตอนนี้ จิตใต้สำนึกมันบอกให้เขารู้ว่า ความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง มันมาไกลเกินกว่าจะห้ามปรามได้อีก

ความจริงอีกอย่างที่ยังไม่ได้บอก กลับพูดไม่ออกซะแล้ว


...ทำไมต้องเป็นชอนจิด้วย  แอลโจ


.

.

.


บยองฮอนตั้งใจจะไปหาชานฮีในทีแรกที่แยกกับชางบอมและป้า แต่เพราะมีอีกเรื่องที่เขาก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน

ที่ครูโทรตาม ก็เพราะอยากได้คำตอบซักที รู้ใช่มั้ยว่าอาทิตย์หน้าจะต้องส่งรายชื่อยืนยันกับทางโน้นแล้ว!

กระดาษขาวบางหน้าตาคล้ายแบบฟอร์ม ถูกยื่นมาตรงหน้า
ครูไม่รู้นะว่าทำไมอยู่ดีๆเธอถึงเกิดลังเลขึ้นมา แต่ครูอยากจะบอกว่า โอกาสแบบนี้มีคนรอคว้าอีกเยอะ ไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธเลย แบบฟอร์มเนี่ยะ เอาไปกรอกซะ แล้วเอามาให้ครูไม่เกินวันศุกร์นะ

บยองฮอนถอนหายใจลูกใหญ่อย่างหนักใจ นาทีที่ต้องตัดสินใจเลือก


“..ผมขอสละสิทธิ์ครับ

เขาทิ้งความงุนงงและขุ่นเคืองใจของบุคคลที่ตั้งความหวังไว้ข้างหลัง เลือกแล้วที่จะเสี่ยง เสี่ยงที่จะเรียนรู้ใครอีกคนหนึ่ง เขาอาจจะมีความทะเยอทะยานในเส้นทางดนตรี มันก็เป็นแค่องค์ประกอบเล็กๆที่อยากจะหนีจากโลกเดิมๆ ก็แค่อย่างแสวงหา ไขว่คว้าโลกใหม่ หลุดพ้นจากความจำเจอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ ที่ชีวิตเขากลับดูมีค่า ทั้งกับตัวเองและกับใครอีกคน

ชานฮีเป็นคนสร้างโลกใหม่ที่แสนจะน่าอยู่นั้น จนเขาไม่คิดอยากจะไปไหนอีก พอใจแล้วที่จะอยู่ในโลกที่มีชานฮี จะคอยเป็นคนปกป้อง จะคอยให้กำลังใจ จะอยู่ซับน้ำตา เขาจะเป็นคนเติมเต็มชีวิตให้ชานฮีเอง


ยิ่งรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น ก็ยิ่งอยากดูแล



...ชานฮี เพราะคุณก็มีเรื่องปิดบังผมเหมือนกัน   ..งั้นเราหายกัน

.

.

.


บ้านยังคงเงียบ.. แต่เพราะแสงไฟที่ยังส่องออกมาจากตัวบ้าน ทำให้แน่ใจว่ามีคนอยู่ข้างใน บยองฮอนยืนกดกริ่งรอหน้ารั้วบ้านมาจวนสิบนาทีแล้ว


...ทำไมไม่มีใครเปิดประตู


ในเวลาเช่นนี้เขารู้ตัวดีว่าอาจจะเป็นการรบกวน แต่เพราะความร้อนใจ เรื่องบางเรื่องมันก็รอไม่ได้ ยิ่งสะสางมันเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งสบายใจเร็วขึ้น


ชานฮี!!!!
สิ่งสุดท้าย ที่ไม่คิดว่าจะต้องทำจริงๆ บยองฮอนตะโกนเรียกชื่อใครบางคนในบ้าน ในเมื่อเขาแน่ใจ อย่างน้อยต้องมีใครซักคนในบ้าน


...ไม่ยอมเปิดก็ไม่เป็นไร จะยืนตะโกนมันตรงนี้นี่แหละ!



"ชานฮี!! ผมผิดที่ไม่ได้บอกเรื่องเรียนต่อ!! คุณก็ปิดผมเรื่องแม่ของคุณเหมือนกัน!!"   บยองฮอนยังตะโกนอย่างไม่ยอมแพ้

ถือว่าเราหายกันแล้วนะ!!



..กริ๊ก..
ประตูบานเล็กของตัวบ้านเปิดออกทันทีที่ประโยคหลังจบลง ร่างสูงโปร่งเดินออกมาเปิดประตูรั้วเพื่อต้อนรับแขก ด้วยสัญชาตญาณบอกให้บยองฮอนรู้ได้ว่า คนตรงหน้าเป็นใคร



เข้ามาก่อนสิ

.

.

.


สายตาที่ยังคงมองเหม่อไกลออกไปนอกรถโดยสาร แสงไฟข้างถนน ดวงแล้วดวงเล่า ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไป ..เรื่องแล้วเรื่องเล่า มือบางยังกุมซองกระดาษสีน้ำตาลที่วางอยู่บนตักมาตลอดทาง เอกสารบางอย่างที่จะให้ความชัดเจนแก่เขา


ขอบคุณมากนะครับ ..นี่ค่าตอบแทน” 
พับธนบัตรจำนวนหนึ่งถูกส่งให้กับบุคคลในเครื่องแบบบุรุษพยาบาล
คราวนี้คุณไม่จำเป็นต้องให้ผมหรอกครับ มันก็แค่ผลตรวจ ผมไม่ต้องไปสืบค้นอะไรเหมือนคราวที่แล้ว
ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ..ผมรบกวนช่วยปิดเป็นความลับได้มั้ยครับ”  สีหน้าบอกถึงความไม่สบายใจ บวกกับน้ำเสียงเน้นย้ำทำให้อีกคนยกยิ้ม
สบายใจได้ครับคุณชานฮี จริงๆเราก็เก็บความลับของคนป่วยทุกคนอยู่แล้ว ซองนี่ผมก็ยังไม่ได้เปิดดู เพราะฉะนั้นผมจึงไม่รู้ไม่เห็นอะไร ..โดยเฉพาะกรณีนั้น ผมก็ต้องเซฟตัวเองเหมือนกัน


คำพูดจากบุรุษพยาบาลคนนั้นไม่ได้ทำให้ชานฮีสบายใจขึ้นเลย จริงอยู่ข้อสงสัยที่พยายามสืบหา บวกกับคำสารภาพของพ่อ ทำให้อะไรๆมันกระจ่างขึ้น

แต่ความจริงที่กำลังจะต้องเผชิญและตัดสินใจ กำลังกัดกินความหวังและกำลังใจตัวเองลงทีละน้อย


...แม่ก็คงเคยรู้สึกแบบนี้ อยากไขว่คว้า แต่ก็ทำไม่ได้


หัวเข่าที่ยกสูงขึ้นแนบลำตัว เพื่อเป็นที่พักพิงให้กับใบหน้าที่อ่อนล้า หลบจากแสงไฟรอบตัว หลบจากสายตาผู้คน แขนสองข้างวาดโอบวงขาเข้าหาตัวยิ่งขึ้น พยายามโอบกอดตัวเองไว้ไม่ให้แตกสลายกระจัดกระจายไปเสียก่อน ปล่อยให้หยดน้ำอุ่นๆมันซึมออกมาเปื้อนเปรอะอย่างตามใจ   


ขอได้ระบายมันออกมาหน่อยเถอะ


.

.

.


ความอึดอัดต่อคนที่ยังแปลกหน้า ถึงแม้จะไม่ใช่คนอื่นไกล แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้เมื่อต้องอยู่ประจันหน้ากันแบบนี้ ถ้วยชาอุ่นๆ ถูกส่งให้จากผู้ชายร่างสูงโปร่งคนเดิม บยองฮอนยืนตัวขึ้นโค้ง รองมือรับถ้วยชามาถือไว้อย่างสุภาพตามมารยาทที่ควร ก่อนจะนั่งลง วางพักมันลงบนโต๊ะ

ชานฮีออกไปเรียนตั้งแต่บ่าย ยังไม่กลับ”  
คำอธิบายสั้นๆง่ายๆ ประโยคแรกที่ได้ยินหลังจากเข้ามาในบ้าน

ผมขอรอได้มั้ยครับคุณอี”   คำขออย่างสุภาพ

บยองฮอนไม่ได้ลืม เขาไม่น่าจะกะเวลาผิด


...ป่านนี้ก็น่าจะกลับได้แล้ว


ชายร่างสูงโปร่งทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาอีกตัว ไม่ไกลจากบยองออน

ไม่ต้องทางการมากหรอก เรียกอาก็ได้ชั้นไม่ถือ   ..ถ้าจำไม่ผิด นายใช่มั้ยที่มาส่งชานฮีเมื่อเช้า  ..ไปไหนกันมาล่ะ”   

ถ้วยชาที่กำลังจะยกขึ้นดื่ม หยุดค้างกลางอากาศ คำถามแบบที่ไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ก่อน

..  บยองฮอนลดถ้วยชาลง ไม่รู้ว่าควรจะปั้นหน้าอย่างไรให้ดูปกติที่สุด แม้จะไม่ได้ทำอะไรผิด


...แต่ถ้าจะตอบไปตรงๆว่าไม่ได้ไปไหน แต่อยู่ด้วยกันทั้งคืน คุณอาจะเข้าใจมั้ยล่ะ


คือ.. อยู่ทำโปรเจคกันดึกน่ะครับ เลยค้างที่มหาลัยกัน”   บยองฮอนพยายามคุมเสียงให้สงบที่สุด เขาไม่ชอบกับการโกหกแบบนี้เลย

ชายร่างสูงโปร่งยกยิ้มมุมปากน้อยๆ
อ้าว.. ตกลงเป็นแค่เพื่อนกันเหรอ?”

ประโยคที่ได้ยินทำเอาบยองฮอนถึงกับอึ้ง เหมือนหนูวิ่งเข้ามาติดจั่น ดิ้นไม่ได้ ไม่มีทางออก

เมื่อเช้า.. ชั้นเห็นหมดแล้ว ทำตัวสบายๆเถอะ”  
เป็นเหมือนประโยคที่ทำให้บยองฮอนผ่อนคลายลง   ..แต่ก็แค่ชั่วอึดใจ

ชั้นก็อยากจะคุยเรื่องนี้กับนายด้วย..”  

บยองฮอนเงยหน้ามองหลังจบประโยค เขาเห็นถึงความกังวลบนใบหน้านั้นชัดเจน เพิ่งสังเกตเห็นความอ่อนแอในแววตา ผู้ชายคนนี้กำลังใช้ความพยายามในการพูดคุยกับเขาเหมือนกัน

บยองฮอนหายใจเข้าเพื่อเรียกความกล้า ก่อนจะตัดสินใจเปิดประเด็นเสียเอง

หากคุณอาจะทักท้วง ผมคงทำตามไม่ได้”  
 ประโยคที่ส่งกลับไปชัดเจน อาจเพราะแววตาหม่นหมองแบบนั้น ยิ่งทำให้บยองฮอนได้ใจ


นายรู้จักลูกชายชั้นดีแค่ไหน?”   น้ำเสียงราบเรียบ เหมือนเป็นเพียงการตั้งคำถาม

ผมทราบเรื่องของชานฮีแล้วครับ อดีตก็คืออดีต ผมเองก็มีอดีตเหมือนกัน และผมก็เชื่อว่าเราทั้งคู่ไม่ได้เก็บอดีตของกันและกันมาใส่ใจครับ
บยองฮอนหนักแน่นในถ้อยคำ เขาเชื่อในคำตอบที่ออกมาจากความจริงใจ คนตรงหน้าต้องสามารถรับรู้มันได้

แค่อดีตเหรอ.. รู้แค่นี้แล้วยังทำมาพูดดี!
น้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น บยองฮอนถึงกับผงะ

มันไม่เกี่ยวกับอดีตบ้าบออะไรเลย ..มันเป็นเรื่องของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น!
ผม..ไม่เข้าใจครับ”  บยองฮอนถึงกับหน้าถอดสี น้ำเสียงอ่อนลงอย่างชัดเจน ความไม่มั่นใจ
น่าตลกนะ นายไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ แต่กลับทำปากดี!”  น้ำเสียงเย้ยหยันในที

ฟังชั้นดีๆนะ นายจะทำยังไง ถ้าวันนึงชานฮีเกิดจำนายไม่ได้ขึ้นมา สายตาที่มองเหมือนนายเป็นคนอื่น เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คำพูดที่สนิทสนมแทนที่ด้วยถ้อยคำที่ห่างเหิน ทั้งๆที่นายมีความทรงจำมากมายอยู่ แต่สำหรับชานฮีกลับไม่หลงเหลือมันเลย มันเจ็บปวดยิ่งกว่าคนรักเลิกรากันซะอีก ยิ่งปล่อยให้ความรู้สึกลงลึกไปเท่าไหร่ ความน้อยใจ เสียใจ ความเจ็บปวด มันจะติดตัวนายแน่นขึ้นเท่านั้น


บยองฮอนถึงกับร้อนไปทั้งหน้า พยายามประมวลสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ต้องการบอก



...ความทรงจำ

...การสูญเสีย


...ชานฮี



ในฐานะพ่อ ชั้นมีสิทธิ์เลือกชีวิตให้ลูกตัวเอง และในฐานะเพื่อนมนุษย์ ชั้นก็อยากเตือนนาย อย่าให้ต้องมาทุกข์ใจเหมือนกับชั้น อย่าถลำตัวเองให้ลึกไปกว่านี้ ปล่อยชานฮีไปซะ ให้เค้าเสียใจแค่วันนี้ ชั้นไม่อยากเห็นเค้าเป็นแบบแม่เค้า


เสียงสั่นเครือจนแทบจะสะอื้น ใบหน้าจมลงกับโต๊ะ
ชั้นคงไม่มีทางได้ลูกชายคนเดิมกลับมาอีกแล้ว เด็กที่ร่าเริงคนนั้น


เมื่อความคิดเริ่มมาถูกทาง เมื่อเขาเริ่มจับต้นชนปลายเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้น


สิ่งที่เคยคิดกลัว  ..กำลังจะเกิดขึ้น


แต่ถ้าคำตอบของทั้งหมดคือชานฮี


เขาก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ



ก็เพราะคุณเป็นแบบนี้ไงครับ เพราะคุณอ่อนแอแบบนี้ คุณรู้มั้ยชานฮีเค้าเข้มแข็งแค่ไหน คุณเทียบไม่ได้กับครึ่งนึงของเค้าเลย คุณใช้ตัวเองตัดสินคนอื่นมากเกินไป ตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าคุณพยายามจะพูดอะไรกันแน่ ความเสียใจของคุณกับภรรยา อย่าเอามาตัดสินชานฮี คุณเป็นพ่อที่กำลังรักเค้าผิดวิธี คนเป็นพ่อต้องทำทุกอย่างให้ลูกมีความสุขสิครับ ให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขาเอง ให้เขาเลือกเอง ไม่ใช่เอาความเจ็บปวดของตัวคุณมาตีกรอบเค้าแบบนี้

อย่าอ้างว่ารักเลยครับ ถ้าคุณเองก็ยังไม่รู้วิธีที่จะรักเค้าจริงๆ”  
บยองฮอนยืนตัวขึ้น น้ำเสียงเป็นไปตามอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น

มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นหรอกนะ ทุกวันนี้ชั้นยังตัดใจจากแม่เค้าไม่ได้เลย ถ้าไม่มีชานฮี ป่านนี้ชั้นคงจะทำให้ตัวเองหายไปแล้ว ชานฮีเคยอยู่มาได้ และเค้าก็จะอยู่ต่อไปได้ ชั้นเป็นพ่อ ชั้นจะดูแลเค้าเอง!”

นี่ไง ผมถึงบอกว่าคุณอาอ่อนแอ ผมอยากรู้ คุณจะดูแลชานฮียังไง จะขังเขาแบบนี้ไปตลอดได้เหรอ คุณไม่สงสารลูกคุณเองหรือไงครับ

สองขาเรียวก้าวเข้าหาคนที่ยังนั่งจมจ่อม 
คุณอาครับ ถ้าคุณอาบอกว่ารักภรรยามาก คุณก็ต้องรู้สิครับว่าความรักมันสวยงาม คุณจะปิดกั้น ไม่คิดจะให้ชานฮีได้สัมผัสมันบ้างหรือ

อย่าบอกผมว่าคุณอารักชานฮีเลย คุณกำลังเห็นแก่ตัวมากกว่า คุณไม่อยากจะสูญเสียใครไปอีก เพราะคุณมันอ่อนแอ นอกจากภรรยา คุณก็แค่อยากรั้งชานฮีไว้ กลัวเค้าจะให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าคุณแค่นั้น ผมพูดถูกรึเปล่า!!




คุณอีบยองฮอน คุณกำลังว่าพ่อผมนะ!





-TBC-



Well you only need the light when it's burning low
คุณจะต้องการแสงไฟเมื่อมันใกล้ดับลง
Only miss the sun when it starts to snow
คุณคงต้องคิดถึงดวงตะวันเมื่อหิมะเริ่มโปร­ยปราย
Only know you love her when you let her go
และคุณจะรู้ได้ว่ารักเธอมากแค่ไหน ต่อเมื่อเสียเธอไป...

Only know you've been high when you're feeling low
คุณจะรู้ว่าเคยอยู่สูงแค่ไหน ต่อเมื่อคุณรู้สึกตกต่ำลง
Only hate the road when you're missing home
คุณคงจะเริ่มเกลียดถนนเมื่อต้องจากบ้านมา
Only know you love her when you let her go
และคุณจะรู้ได้ว่ารักเธอมาแค่ไหน ต่อเมื่อเสียเธอไป
And you let her go
และคุณก็ปล่อยให้เธอจากไป...



>>> Passenger - Let Her Go








ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^-^







1 comments:

  1. โอ๊ยยยยย ทำไมพาร์ทนี้มันทั้งจุกทั้งหน่วงแบบนี้ล่ะคะ สงสารทั้งฝ่ายที่พยายามยื้อ และฝ่ายที่พยายามทำให้อีกฝ่ายตัดใจมากเลยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าแบบไหนมันจะเจ็บปวดกว่ากัน จริงๆมันดูเหมือนว่าคนที่ยังมีความทรงจำเหลืออยู่ที่น่าเจ็บปวดแต่คนที่เขาอยากจำแต่ไม่สามารถจำได้ ช่วงก่อนเขาจะลืมเขาคงเป็นทุกข์ไม่ต่างกัน คงไม่มีใครอยากลืมคนที่ทั้งรักเราและเรารักเขา คงไม่มีใครอยากทำร้ายคนที่เรายังรักอยู่ แต่ก็ได้ข้อคิดดีนะคะจากพาร์ทนี้ น้ำตาไหลเบาๆโดยไม่รู้ตัว

    ReplyDelete