Caramel & Espresso





ช่วงเวลาแสนเศร้าในตอนนั้น ชั้นขอลาก่อน
เธอที่งดงาม ฉันเองก็ต้องขอลาก่อน
ถ้าเธอเดิมเข้ามา ในเมืองที่มืดมิดแห่งนี้
คืนวันที่เราเคยรักกัน จะกลับมามั้ย
ฉันเฝ้าคิดเกี่ยวกับมัน























เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอาจเป็นใครบางคน..
อยู่ไหน?!
ผมให้ยืนรออยู่ตรงตู้แช่เบียร์ข้างบาร์..
ไม่รอให้พูดจบ บยองฮอนตบบ่าเป็นการของใจ ปลดสัมภาระกองลงพื้น วิ่งออกไปทันที

สองขามาหยุดลงหน้าบาร์ที่บอกไว้ ..มองซ้ายขวากลับไม่เจอ

คุณอีบยองฮอนครับ
เสียงทักทายจากด้านหลังทำให้เข้าต้องหันไปมอง

ผู้ชายในชุดสูทสีเทาเรียบกริบ รูปร่างผอมสูง ดูภูมิฐาน เหมือนพนักงานบริษัทตำแหน่งใหญ่โต
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ


‘BH Record’  มันบอกไว้บนนามบัตรที่ถูกส่งมาอย่างสุภาพ
บยองฮอนเพียงแค่กอดอกยืนมองการ์ดเล็กๆนั้น โดยไม่มีที่ท่ามาจะรับ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจออะไรแบบนี้ จนเริ่มเดาทางออกเพียงแค่ครั้งนี้ออกจะเป็นค่ายดังซักหน่อย
ผมได้ดูเพียริดี้เล่นเมื่อซักครู่ ดีมากเลยนะครับ”  
นอกจากจะดูดีไม่มีที่ติ น้ำเสียงและคำพูดฟังดูก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีทักษะการพูดคุยพอตัว กอร์ปกับใบหน้าปั้นยิ้มจนผิดธรรมชาติ
ขอบคุณครับ แต่ผมว่าคุณคงไม่ได้มาเพื่อชมอย่างเดียวใช่มั้ยครับ”   ทั้งที่เพิ่งได้รับคำชม แต่บยองฮอนกลับรู้สึกบอกบุญไม่รับกับท่าทีของผู้ชายคนนี้


...ให้ตาย ไม่ถูกชะตาเอาซะเลย


คุณบอกว่ามาพบผม และได้ดูวงผมเล่น แสดงว่าคุณมารอนานแล้ว ตั้งใจให้เพื่อนๆกลับกันไปก่อน”  
บยองฮอนเริ่มหงุดหงิดกับรอยยิ้มสำเร็จรูปนั่น แม้จะพูดโพล่งออกไปแบบนั้น เหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
มีอะไรพูดมาเถอะครับ ผมรีบ”    
ชายผู้นี้ยังคงจ้องเขาด้วยสายตาของนักล่า รอยยิ้มนั้นยังแผ่บนใบหน้า
พูดตรงดีนะครับ ผมชอบ”   ชายในสูทสีเทาเก็บนามบัตรลงกล่องสีทองหรูหรา
งั้นผมจะไม่อ้อมค้อมละกัน ค่ายเรากำลังจะฟอร์มวงใหม่เพื่อเดบิวท์กลางปีนี้ ฝีมือการเล่นกีตาร์ของคุณเป็นที่น่าสนใจ และผมก็ประทับใจกับการใช้เทคนิคต่างๆของคุณนะ”   
ชายร่างผอมสูงหยุด เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของบยองฮอน แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยังคงมีทีท่าเย่อยิ่งจึงเริ่มบทสนทนาต่อ
คิดดูนะ ถ้าสนใจมารวมวงกับค่ายเรา นายแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ยิ่งหน้าตาหล่อๆแบบนี้ แค่ยืนดีดกีตาร์เท่ๆ เพลงดีไม่ดีไม่มีใครสนใจหรอก ค่ายเรามีแผนการตลาดรองรับไว้พร้อม มีทีมทำเพลงที่มีฝีมืออยู่เบื้องหลัง แค่หน้าตาดีๆ พอจะหยิบจับเครื่องดนตรีคล่องๆแบบนาย ไปช่วยเสริมไอ้พวกเด็กอ่อนหัด หล่อแต่ไรสาระพวกนั้นให้ดูมีอะไรมากขึ้น ก็ขายความเป็นวงดนตรีได้แล้ว ส่วนเพลงเด็กมหาลัยของนายก็เก็บไว้เล่นสนุกๆในห้องนอนกับเพื่อนดีกว่า”  น้ำเสียงเปลี่ยนไปโดยทันที เสียงหัวเราะเย้ยหยันที่ปนมา ท่าทีเหมือนไม่สนใจในทีแรก แต่บยองฮอนกลับซึมซับมันทุกคำพูด การชื่นชมฝีมือกีตาร์ รูปร่างหน้าตา โอกาสดีๆที่จะได้เป็นศิลปินค่ายใหญ่ และคำดูถูก


ผั่วะ!!

บยองฮอนสะบัดมือจากอาการปวดแสบเพราะแรงกระแทก ก่อนกระเดาะลิ้นอย่างหัวเสีย
เสียมือชะมัด ไม่น่าพลาดโดนฟัน!”   เป็นประโยคเดียวที่ได้ยิน ก่อนเดินหันหลังกลับเข้าด้านในของคลับ

ลูกค้าอาจจะดูตกใจกันบ้าง แต่ทั้งพนักงานเสิร์ฟ และสต๊าฟของคลับกลับเคยชินภาพแบบนี้ซะแล้ว ก็อย่างที่บยองฮอนบอก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจออะไรแบบนี้

. . .

มีแต่เรื่องให้อารมณ์เสียทั้งวัน!” 
เสียงบ่นอุบอิบตลอดทางที่เดินกลับเข้ามา เขาก้มลงหยิบสัมภาระที่กองไว้ก่อนหน้านั้น อยากนึกขอโทษที่เห็นใครบางคนดีกว่าพวกมัน กระเป๋าทรงขวดใบใหญ่ถูกสะพายขึ้นหลังอีกครั้ง
บอกตัวเองว่าไม่ควรคิดอะไรให้มากกว่านี้ ใครจะอยากมานั่งดื่มกับคนที่ไม่รู้จัก ไลฟ์แบนด์วงดังๆย่านนี้ก็ออกจะมีเยอะแยะ จะมาสนอะไรกับแค่นักดนตรีธรรมดา


...ใช่ ก็แค่รู้สึกเสียหน้า


. . .


ชอบว่ะ โย่งขนาดนั้นยังเอาซะคว่ำ”   เสียงปนหัวเราะในลำคอจากเจ้าของคลับหน้าเข้ม บยองฮอนโค้งให้เป็นการทักทาย ก่อนยกมือถูต้นคออย่างเคยชิน เมื่อนึกถึงความเลือดร้อนของตนเอง
ผมถือว่าเป็นคำชมนะฮะ
นั่งมองมานานละ ทำหัวงูใส่เด็กในร้านอยู่ได้ ถ้าไม่ได้หมัดออนเดอะร็อคของนายเข้าไปจนมึน คืนนี้เด็กชั้นคงโดนป่วนไม่เลิก เอานี่ไป.. พี่ให้ค่าแท็กซี่”   มือข้างที่คีบบุหรี่ยื่นพับธนบัตรส่งมาให้
ไม่ได้กลับบ้านหรอกฮะพี่เอริค ว่าจะนอนที่ชมรมนี่แหละ อยากแก้เนื้อเพลงนิดหน่อย ไว้ขอเปลี่ยนเป็นเลี้ยงเหล้าแทนละกันนะฮะ”   บยองฮอนส่งยิ้มบางๆกลับไป ก่อนโค้งให้แล้วเดินแยกออกมา

เขาเลี่ยงที่จะเจอกับเสียงอึกทึกครึกโครมข้างใน จึงเดินออกมาทางหลังร้าน พอแล้วสำหรับเรื่องที่กวนใจมาทั้งวัน

.

.

.

สองขาเรียวยาวก้าวลงจากแท็กซี่อย่างร้อนใจ วิ่งมาหยุดหน้าคลับที่ชื่อเดียวกับนามบัตร เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ผิดแน่ คลับที่ได้รับการตกแต่งใหม่ จนดูต่างไปจากที่เห็นค่อนข้างมาก อาจจะเพราะแทบไม่ได้ผ่านละแวกนี้ จากบ้านก็ไปร้าน ไม่ก็มหาวิทยาลัย ชีวิตวนเวียนแค่นี้ แต่ Rescue ก็มีแค่ที่นี่ที่เดียว ไม่ใช่เวลามาคิดมาก มีบางอย่างสำคัญกว่านั้น ใช่ไม่ใช่ถ้าไม่ลองเข้าไปก็ไม่รู้ สองขาก้าวตามสมองสั่งอีกครั้ง 

พ่อหนุ่มน้อยขอตรวจบัตรก่อนนะ”   เสียงของชายตัวสูงใหญ่ร่างกายกำยำหน้าคลับ กักเขาไว้ก่อนที่จะพรวดพราดเข้าไป
ผมไม่ได้มาเที่ยว แค่มาหาเพื่อนแป้บเดียวเอง”   แค่ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ แต่เมื่อยิ่งเห็นสายตาจ้องเขม็งแทบจะสูบเลือดสูบเนื้อ มือทั้งสองข้างจัดการรูดซิปเป้ ควานหยิบบัตรนักศึกษาส่งกลับไป
ชายร่างกำยำยังใช้ตาคู่เขม็งนั้นมองหน้าชานฮีสลับกับบัตรนักศึกษาในมือ ก่อนจะส่งกลับเจ้าของและโค้งตัวน้อยๆ พร้อมทั้งผายมือให้เข้าไปอย่างสุภาพ
ชั้นไม่ใช่เด็กหนีเที่ยวซะหน่อย”  ตั้งใจบ่นให้ใครบางคนได้ยิน


...ก็คนกำลังรีบ


อ่อ เพิ่งกลับไปได้ซักพักเองครับ ก็ว่าอยู่ทำไมวันนี้เจ้านั่นอยู่ร้านจนดึก
ชานฮีปั้นหน้าไม่ถูก เมื่อรู้สึกว่าคนที่พูดจงใจบอกให้เขารู้ว่าบยองฮอนรอใครซักคน ..จนรอไม่ไหว
เจ้านั่นบอกจะกลับไปนอนที่มหาลัย ลองตามไปดูสิ!
เสียงตะโกนมาจากผู้ชายหน้าเข้มตรงเคาท์เตอร์บาร์

ชมรมดนตรีสากล ..ผมเขียนแผนที่ให้มั้ย”   พนักงานคนแรกที่ชานฮีเดินเข้ามาถามขยายความ
ไม่เป็นไรครับ ผมทราบ”   ชานฮีโค้งน้อยๆชายหน้าเข้มตรงเคาท์เตอร์และพยักหน้ายิ้มให้พนักงานตรงหน้าเป็นการขอบคุณ ก่อนเดินออกไป

มีของดีขนาดนี้ก็ไม่ยอมบอก..”   เสียงพูดลอยๆกับตัวเองของพนักงานที่ถูกทิ้งให้มองตามคนหน้าหวานที่เพิ่งเดินออกไป
ของดีของคนอื่นครับ!”   เสียงกรอกหูแบบตั้งใจให้ตกใจ เจ้าของร้านหน้าเข้มเดินมาข้างตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ จนต้องรีบเดินหนีทำทีไปรับออร์เดอร์จากลูกค้า

.

.

.

ตึกชมรม พอจะมีแสงสลัวสลับมืดให้พอเห็นทางเดินอยู่บ้าง จากห้องที่ยังมีนักศึกษาอยู่ทำกิจกรรมกัน แทบจะนับครั้งได้ตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่ เขาไม่ใช่เด็กกิจกรรม แค่เรียนและทำพาร์ทไทม์ไปด้วย ก็กินเวลาเขาไปเกือบหมดแล้ว กิจกรรมอดิเรกคือการฟังเพลง และอ่านหนังสือบ้างแล้วแต่จะเจอเล่มถูกใจ ไม่ถึงขนาดเป็นหนอนหนังสือ
เพราะความไม่คุ้นเคย ทำให้ต้องไล่ดูป้ายบอกชื่อชมรมไปทีละห้อง แสงสว่างเท่าที่มีทำให้ความเร็วในการหามีจำกัด

ชมรมดนตรีสากลมันอยู่ตรงไหนเขาก็ไม่รู้

ชานฮีสะดุดกับอะไรบางอย่าง ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ แต่เป็นทำนองเบาๆจากไหนซักแห่ง ด้วยสัญชาตญาณเขาเลือกที่จะเดินตามหาเสียงนั้น แทนการสนใจป้ายหน้าห้องพวกนี้ ยิ่งเข้าใกล้ ก็รู้ว่ามันคือเสียงจากเปียโน จนสังเกตเห็นแสงน้อยๆลอดมาทางประตูห้องริมสุดทางเดิน ชานฮีค่อยๆ ..ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น


>>> Summer, Night (Seulong & Epitone Project) Instrument




ยิ่งแน่ใจเมื่อพาตัวเองมาหยุดยืนหน้าห้องหนึ่ง ไม่สนใจที่จะมองหาป้ายยืนยันด้วยซ้ำ เสียงเปียโนที่ได้ยินชัดทุกโน้ต ทำให้เขาแน่ใจ ประตูห้องที่แง้มไว้เหมือนคนที่เปิดเพิ่งเข้าไปไม่ได้สนใจจะปิดมัน ทำให้ง่ายถ้าจะถือวิสาสะ

แผ่นหลังของผู้ชายตัวผอมบาง กำลังละเลียดนิ้วบนสายโลหะของกีตาร์ที่วางบนตัก มีแล็ปท็อปเครื่องสีเทาอ่อนหน้าจอส่องสว่างว่างอยู่ข้างๆ เสียงกีตาร์ที่ฟังดูเข้ากับเปียโนนั้นเป็นอย่างดี การโยกไหวไปมา เงยหน้าสลับก้ม บอกถึงอารมณ์ร่วมในการดำเนินท่วงทำนองไปในทิศทางที่มันควรจะเป็น ภาพตรงหน้าสะกดให้เขายืนมองจนสิ้นเสียงดนตรี

ตามมารยาทเขาควรปรบมือให้เกียรติกับการดูโชว์ที่ประทับใจ

แปะแปะแปะ!

เสียงที่แทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ คนที่จดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง ใบหน้าหันขวับมาทางต้นเสียงทันที

“..(o_o)!!!..
อาการตกใจคงไม่ต่างจากเขาในวันแรกที่ได้เจอกัน แต่เห็นแล้วก็ขำไม่ได้ ตาเรียวเล็กที่เลอะอายไลน์เนอร์กำลังเบิกโพร่งอย่างตกใจ เขาแน่ใจว่าต่อให้ตกใจจนตาถลน ก็ตงโตสุดได้แค่นี้

ขอโทษที่ให้รอนะ
ไม่มีเกริ่นนำ ไม่มีคำแก้ตัว รอยยิ้มแบบนั้น ยิ้มที่ชางบอมเคยบอกว่ามันเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ ชานฮีไม่เคยคิดว่าเขาจะใช้มันฟุ่มเฟือยไปแค่ไหน ก็แค่อยากยิ้มอย่างที่รู้สึก


...ยิ้มแบบนี้แล้วใครจะไปโกรธลง


ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย”   ชานฮีคิดว่าควรจะขออนุญาตให้เป็นทางการซักหน่อย ถึงแม้ว่า..
คุณก็เข้ามาแล้วนี่” 
ตาคมเรียวที่ยังนิ่งเฉย ทำให้ชานฮีไม่รอช้า เดินลากเก้าอี้จากมุมห้องเข้าไปนั่งข้างๆ ทำทีเหมือนเด็กน้อยสำนึกผิด

เพลงเมื่อกี้ผมไม่คุ้นหูเลย แต่เพราะดี เพลงของใครเหรอครับ
บยองฮอนไม่ตอบ เพียงแค่ยื่นกระดาษโน้ตเพลงส่งให้ ตาคมหรี่ลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว โหนกแก้มทั้งสองยกขึ้นเล็กน้อย


- Summer, Night -   Lee Byunghun


ชื่อนี้ ทำให้ชานฮีนิ่งไปอึดใจ
“..ไม่ยักรู้ ว่าคุณบยองฮอน* นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว ยังแต่งเพลงเก่งด้วย”    รอยยิ้มที่ระบายบนในหน้าคราวนี้ เหมือนสะใจที่ได้แกล้งใครสักคน
โว๊ะ.. งั้นก็ขอคืนเถอะครับ”   น้ำเสียงกระชากน้อยๆยื่นมืออกไป หวังจะดึงกระดาษแผ่นเดิมกลับ
คนหน้าเปื้อนยิ้มเบี่ยงตัวหลบอย่างนึกสนุกขึ้นกว่าเดิม
พูดเล่นน่า นึกว่าคุณจะชอบแต่พวกเพลงร็อคฟาดหัวฟาดกีตาร์อะไรเทือกนั้น” 

ตาคมเข้มที่กำลังมองมา อายไลเนอร์ที่ดูหนากว่าคราวก่อนถึงแม้จะถูกเลอะเลือนไปบ้างระหว่างวัน แต่ก็ยังขับให้ใบหน้านั้นดูโดดเด่น

ถ้าตาคู่นี้ปราศจากเมคอัพ เขาอยากรู้ว่ามันยังน่ามองอยู่หรือเปล่า


เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ตาคมขยับหน้าเข้าไปใกล้แบบไม่ให้ทันตั้งตัว

(O_O)!!!

บยองฮอนแทบจะหลุดขำ ตาคู่ที่ว่าโตอยู่แล้ว กลับเบิกกว้างกว่าวันแรกที่เห็น ตอนนี้มันโตจนแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว

คนที่ผงะจนเกือบตกเก้าอี้ รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ความรู้สึกโครมครามในอกที่มันมากมายจนเผลอก้มลงมอง เหมือนกลัวว่าแรงกระตุกมันจะโผล่ออกมาให้เห็น

...ถ้าแค่ตกใจทำไมมันรู้สึกขนาดนี้


คุณ..ร้องเพลงเป็นมั้ย”  
คำถามตัดบท.. บยองฮอนหวังจะได้ยินเสียงโวยวายจากคนตรงหน้า แต่เมื่อเจออาการเงียบอึ้งเขาก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน นอกจากทำเป็นหาเรื่องคุย
จริงสิ ว่าจะถามเหมือนกัน ทั้งๆที่ก็มีเนื้อเพลงเขียนอยู่ หรือว่าเพลงยังไม่เสร็จ”   ชานฮีนึกขอบคุณอยู่ในใจที่เอ่ยถาม
ผมเขียนเพลงได้ แต่กลับร้องเพลงไม่ได้เรื่อง ถ้าจะให้อัดเสียงตัวเองลงไป คงจะต้องทิ้งทั้งเพลง”   เป็นอีกครั้งที่บยองฮอนยกมือขึ้นลูบท้ายทอย
อัดเสียง.. เอ๊ะ!”  
ก็แค่เดโม่** คุณฟังเพลงเยอะขนาดนี้ น่าจะร้องเพลงได้บ้างแหละ
แต่ผมอ่านโน้ตไม่เป็นนะ ไม่เคยเรียน”  เป็นข้ออ้างเดียวที่ชานฮีคิดได้ตอนนี้
งั้นเอางี้
บยองฮอนจับกีตาร์บนตักในท่าถนัด มือเอื้อมไปหยิบปิ๊กที่เสียงไว้ตรงขาตั้งโน้ต
ลองฟังดูนะ”   ก่อนจะเริ่มละเลียดเส้นโลหะนั้นอีกครั้ง บยองฮอนเบี่ยงหน้าจากสมุดโน้ตเพลงหันไปบอกคนข้างๆ

ตอนนี้เขาอยู่ในรัศมีที่จะได้ยินเสียงกีตาร์ชัดทุกเส้น เสียงกีตาร์เด่นชัดปราศจากแบ็คกิ้งแทร็ค*** ที่คนเล่นดีดไกด์แทนโน้ตของเสียงร้อง ขับให้เห็นบุคลิกของคนที่บรรจงสร้างสรรค์มัน การได้เรียนรู้จากเพลงที่เคยได้ยินมามากมาย ทำให้เขาเข้าใจทิศทางและอารมณ์เพลงได้ไม่ยาก แม้จะใช้เสียงกีตาร์ที่สดใสแต่ด้วยจังหวะและการทิ้งโน้ตบางตัว ฟังคล้ายเสียงอ้อนวอน แฝงความน้อยใจ แต่ขณะเดียวกันก็พยายามที่จะเข้าใจในความรู้สึกเจ็บปวดนั้นด้วย

ชานฮีค่อยๆหลับตาซึมซับสิ่งที่ได้ยิน ปล่อยให้ใจคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คนที่ดูเหมือนเอาแต่รักสนุก หยิบโหย่ง วันๆเอาแต่ลอยไปลอยมา พูดจาโผงผาง กลับแสดงให้เห็นถึงด้านที่หม่นหมองและเข้มแข็งได้พร้อมกัน ไม่ว่าบยองฮอนจะรู้ตัวหรือไม่ แต่สำหรับเขากลับรู้จักผู้ชายคนนี้ดีขึ้น ท่าทีที่แสดงออกช่างตรงข้ามกับความอ่อนไหวภายใน คำอ้อนวอนเหล่านั้น เป็นภาษาเพลงที่เข้าใจได้  ..ชัดทุกคำ

จบโน้ตตัวสุดท้าย บยองฮอนยืดตัวกดปิดปุ่มเรคคอร์ด
เมื่อกี้ผมอัดเสียงกีตาร์ไกด์ลงไป ฟังครั้งเดียวอาจจะยากไปซักหน่อย
ว่าพลางมือก็ง่วนอยู่กับแล็ปท็อปข้างตัว นิดวนๆแตะๆซ้ำไปซ้ำมา ตาเรียวคมที่กำลังมองอย่างตั้งใจ


...ถ้าไม่ได้มาก็คงไม่เห็น


เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะเปิดแบ็คกิ้งแทร็คกับไลน์กีตาร์เมื่อกี้พร้อมกันนะ คุณจะได้คุ้นกับทำนองด้วย


“ ...  ผมว่าวันนี้คุณมองผมเยอะไปนะ หน้าผมเลอะเทอะอะไรหรือเปล่า หรือมีส่วนไหนที่ผิดธรรมชาติ


...กลับมาเป็นคนกวนประสาทได้ไวจริง


อายไลเนอร์ ผมว่ามันดูตลก”   คิดอะไรได้แค่นี้แหละ

“..เดี๋ยวๆผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะร้อง อย่ามัดมือชกสิคุณ”   เสียงบางประท้วง

ก็ถ้าคุณจะไม่มา ก็น่าจะบอกกันก่อน จะได้ไม่ต้องรอ..!”   หลุดปากไปซะแล้วบยองฮอน
เอ้า.. แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ ผมไม่ได้รับปากคุณไว้ซะหน่อย..!  ชานฮีไม่ยอมแพ้ เขาก็มีอารมณ์เป็นเหมือนกัน ถึงบยองฮอนจะพูดถูก เขาก็ตั้งใจไปในทีแรก แต่สุดท้ายเรื่องมากมายก็ทำให้ลืม


...มันไม่เกี่ยวหรอก แต่ผมอยากจะพาลแล้ว


"แต่คุณก็มาแล้ว"  บยองฮอนเอียงคอไปมา ยกคิ้วอย่างทะเล้น
ถ้าคุณไม่ตามไปที่คลับก็คงไม่รู้ว่าผมอยู่ที่นี่ และที่คุณมานี่ ก็เพราะตั้งใจมาหาผม  ..ไม่ใช่เหรอ
ชานฮีทั้งหมั่นไส้และรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ทำได้แค่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตาส่อแววเอาเรื่องอย่างเหลืออด


...ตั้งใจจะป่วนกันไปถึงไหน


"ท่าจะมามุขสวยดุ ผมไม่กลัวหรอกนะ"   บยองฮอนอยากจะแกล้งคนหน้าหวานอีกนิด ยิ่งโกรธ ก็ยิ่งอดยิ้มไม่ได้
"ที่ผมมาก็เพราะคิดว่าไม่อยากเสียมารยาท แต่รู้สึกตัวเองจะคิดผิดผมไม่น่ามาเลยจริงๆ"  พูดจบชานฮีก็ลุกขึ้นทันที
"อ้าวเฮ้ยยยย... อย่าเพิ่งงอน”   เสียงพูดกลั้วหัวเราะ


...อยากแกล้งให้โกรธ ก็ไม่เข้าใจ


เมื่อเห็นว่าชานฮีเอาจริง ตอนนี้ร่างบางเดินกระทืบเท้าออกจากประตูไปแล้ว บยองฮอนรีบวางกีตาร์ที่อุ้มไว้อย่างลวกๆ เหมือนไม่กลัวว่ามันจะพัง เสียงสายกีตาร์ที่เกิดจากการกระทบพื้นเบาๆไม่ได้อยู่ในความสนใจของบยองฮอน ร่างผอมบางกระโจนตามออกไป


...มาถึงนี่แล้ว จะกลับไปง่ายๆได้ไง


ผมจะให้เสียงคุณ เป็นเสียงแรกของเพลงนี้  ..ถ้าไม่รังเกียจ

ชานฮีมองข้อมือตัวเองที่ถูกยื้อไว้ให้หยุด ก่อนจะยกหน้าขึ้นหาเสียงออดอ้อนนั้น


...อย่างน้อยเขาก็รู้สึกแบบนั้นนะ


สุดท้ายคนที่อยากจะพาลกลับต้องยอม มือที่เอื้อมไปจับข้อมือเล็ก สายตาอ้อนวอนแบบสิ้นฤทธิ์
ลืมเรื่องดื่มซะ ผมจะให้เสียงคุณเป็นเจ้าของเพลงนี้”   เสียงจากเจ้าของมือที่ยังกำข้อมือเล็กพอหลวม

...บอบบาง


ช่วยผมหน่อย หรือคุณจะลองอ่านเนื้อดูก่อนก็ได้”  


...ไม้แข็งไม่ได้ ก็ต้องเล่นไม้อ่อน

โน้ตเพลงถูกหยิบออกจากแป้นหนีบ ส่งกลับมาให้เขาอีกครั้ง ด้วยข้อเสนอใหม่ที่ไม่อาจปฏิเสธ แค่ทำนองยังทำให้เขารู้สึกได้ขนาดนั้น เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเนื้อเพลงจะสื่อสารออกมาได้ดีแค่ไหน

มันเศร้า..”   แค่อ่านตามตัวอักษร ยังรู้สึกถึงความคับแน่นในอก
ตอนแรกมันก็ไม่ได้เศร้าขนาดนี่หรอก ผมเพิ่งปรับเนื้อเสร็จเมื่อกี้ คิดว่าแบบนี้เหมาะกว่า”  บยองฮอนหันไปตอบ
ถ้าคุณลองอ่านดีๆ มันไม่เชิงว่าเศร้าหรอกนะ แค่ปลงและยอมปลดปล่อยมากกว่า

แต่ก็ยังคิดถึง..”   เสียงพูดลอยๆ ไม่ได้จะเถียง แค่รู้สึกจริงๆ
คิดไม่ผิดว่าคุณต้องเข้าใจ”  
ประโยคที่ชานฮีคิดว่ามันเป็นคำชม เพราะใบหน้านั้นยกยิ้มโหนกแก้มสูง ดันดวงตาให้ยิ่งหรี่เล็กลง

แต่ผมไม่ชอบฝนหน้าร้อน ไม่เห็นจะโรแมนติก”  ชานฮีขมวดคิ้วบางๆ
เป็นธรรมดาถ้าคุณจะไม่ชอบ เพราะความเหนอะหนะของมัน แต่ลองนึกดีๆ ก่อนฝนตกถึงมันจะอบอ้าวไม่สบายตัว แต่พอได้ตกลงมาจนสมใจแล้ว เราก็จะรู้สึกถึงลมเย็นที่พัดมา เหมือนกับความรู้สึก ที่ทั้งทุกข์ ทั้งทรมาน แต่ถ้าเรายอมปลดปล่อยมันไปได้ ลมเย็นก็จะพัดมาให้จิตใจสดชื่น ..นั่นแหละเสน่ห์ของมัน”

ประโยคก่อนหน้าที่เอ่ยชม ชานฮีคิดว่ามันไม่จริงเลย สิ่งที่บยองฮอนบอกมาต่างหากที่ทำให้เข้าใจ หลังจากนี้ไปเขาคงรู้สึกดีกับฝนขึ้นมาบ้าง

อาจจะดูขลุกขลักในครั้งแรกๆ เพราะชานฮีเพิ่งเคยลงเสียงจริงจังอะไรแบบนี้ แต่ด้วยความใจเย็นของบยองฮยอนและไหวพริบในการร้องเพลงของชานฮี เมื่อเริ่มคุ้นเคย ทุกอย่างก็เข้าที่

บยองฮอนวนนิ้วไปมาเพื่อที่จะเริ่มการลงเสียง พอใบหน้าใต้ตาคมส่งสัญญาณ เสียงเปียโนที่ชานฮีได้ยินในที่แรกดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันถูกผสมกลมกลืนกับเสียงกีตาร์ที่ได้ยินตอนเขาแอบย่องเข้ามาในห้อง ท่วงทำนองที่รอการขับกล่อมจากเสียงบางนั้น

ชานฮีค่อยบรรจงไล่เสียงไปตามโน้ตที่คุ้นเคยแล้ว เพราะบยองฮอนบอกว่าเป็นแค่เดโม่ จึงรู้สึกไม่กดดันอะไร แค่ปล่อยคำร้องไปตามความเข้าใจ น่าแปลกที่เค้ารู้สึกคุ้นเคยกับการเปล่งเสียงตามโน้ตแบบนี้ ..คุ้นเหมือนกับสิ่งที่เคยทำเป็นประจำแต่ถูกลืมไป

เสียงเล็กบางเหมือนกระดิ่งต้องลม สะกดให้คนที่เฝ้าดูอยู่ดำดิ่งสู้ภวังค์ หลงใหลใบหน้าและเสียงกระดิ่งลมนั้นเกินห้ามใจ พลังดึงดูดบางอย่าง ยิ่งเรียกร้องให้เข้าไปหา ..ยิ่งใกล้ยิ่งรู้สึก



เสียงร้องหยุดลง เมื่อแพขนตาใครบางคนใกล้เข้ามายิ่งขึ้น

กำลังอัดเพลงอยู่..”   

ชัดเจนกว่าเสียงกระซิบแต่เบาหวิวว่าคำพูดปกติ
บยองฮอนอาจจะไม่ได้ยินคำประท้วง หรือหากได้ยินเขาก็คงจะเถียงกลับไป..

ทีหลังละกัน..

แพขนตาอีกคู่ที่ปิดสนิทลง เหมือนรอรับแรงสัมผัสนั้น เริ่มจากแผ่วเบา เชื่องช้า เมื่อไม่มีปฏิกิริยาต่อต้าน บยองฮอนก็ย่ามใจ มือข้างหนึ่งยกขึ้นประครองใบหน้าเรียวเล็ก ค่อยๆกดย้ำ ล้ำลึกขึ้นกว่าเดิม

ความถูกต้องหรือถูกใจไม่ได้หยิบมาพูดถึง ทั้งคู่ยังคงลุ่มหลงกับรสสัมผัสที่แสนจะหวานหอมเหมือนได้ชิมมูสคาราเมล แต่กลับปลุกปั่น จนปั่นป่วนไปทั้งทรวงอกและช่องท้อง เหมือนดื่มเอสเปรสโซ่ดับเบิ้ลช็อต


...ไม่เหมือนกัน


เป็นอย่างที่ชางบอมพูดไว้จริงๆ ทั้งกับแม่และกับชางบอม ครั้งนี้มันช่างแตกต่าง ความละมุน อ่อนหวาน ที่แปลกใหม่ ทั้งที่ยังเหมือนเป็นคนแปลกหน้า ถ้าเทียบกับชางบอมหรือจงฮยอน แต่ไม่อาจปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยง กลับยินยอมและเรียกร้องการล่วงล้ำที่มากขึ้น

แสงแดดอ่อนๆที่โผล่พ้นขอบหน้าต่างห้อง เหมือนเป็นการทักทายจากพระอาทิตย์ต่อภาพที่สวยงามนั้น

บยองฮอนรู้สึกถึงแรงขยุ้มเสื้อที่หน้าอก จนต้องผละออก


...เสียดาย


กลิ่นหวานมันปนขม ยังคงหอมติดปาก ตาทั้งสองคู่ยังคงจับจ้องกันเหมือนกำลังหยั่งความรู้สึกของอีกฝ่าย


...ขออีกนิดได้มั้ย


นี่ไม่กลับบ้านกลับช่องกันเรอะ?!”   
ใบหน้าที่กำลังโน้มเข้าหาสะดุด เสียงจากชายวัยกลางคนที่กำลังยืนกอดอกพิงขอบประตู รปภ.หน้าคุ้น ที่มักจะถูกขอร้องจากบยองฮอนให้ช่วยมาปลุกในตอนเช้า เพื่อที่จะตื่นขึ้นรถไฟกลับบ้าน

เขาถอนหายใจหนักอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่คิดผิดที่ให้ใครมาปลุก ก่อนหันไปเจอสายตาใครบางคน เขาสังเกตเห็นชานฮีที่ต้องนี้ใบหน้าแดงระเรื่อจากการสูบฉีดของเลือดที่แรงกว่าปกติ พยายามเบี่ยงหน้าหนีบุคคลที่เพิ่งมาใหม่

สุดท้ายทั้งคู่ก็ลอบยิ้ม หันไปคนละทาง



...คนโกรธพอเวลาเขิน น่ารักกว่าตั้งเยอะ




-TBC-




슬퍼하던 시간들은 이제는 굿바이
ช่วงเวลาแสนเศร้าในตอนนั้น ชั้นขอลาก่อน
아름답던 너의 모습도 이제는 굿바이
เธอที่งดงาม ฉันเองก็ต้องขอลาก่อน
어두워진  도시를 따라 걸으면
ถ้าเธอเดิมเข้ามา ในเมืองที่มืดมิดแห่งนี้
우리 사랑했던 날이 다시 돌아올까?
คืนวันที่เราเคยรักกัน จะกลับมามั้ย
 생각해
ฉันเฝ้าคิดเกี่ยวกับมัน


>>> Seulong (2AM) & Epitone Project - Summer, Night With thai sub


*เผื่อเด็กๆบางคนไม่รู้จัก คุณอีบยองฮอน เป็นนักแสดงชื่อดังคนหนึ่งของเกาหลีค่ะ ไม่แน่ใจว่าคุณแม่ของบยองฮอนของเราเป็นแฟนคลับคุณอีบยองฮอนหรือเปล่า เลยตั้งชื่อลูกชายซะเหมือนกันเลย ^ ^

**เดโม่ (Demo) คือเพลงตัวอย่าง ก่อนที่จะนำไปเรียบเรียงหรือใส่เสียงร้องใหม่ให้สมบูรณ์
***แบ็คกิ้งแทร็ค (backingtrack) คือ ดนตรีที่มีแต่ทำนอง เหมือนเวลาเราไปร้องคาราโอเกะค่ะ




 คุยๆ:  หวังว่าคงหายงอนกันบ้างนะ ..อะไรแบบนี้เขียนยากจริงๆ
หลังพาร์ทนี้ขอแว๊บไปพักร้อนนิดนึง ขอชาร์ทแบตชีวิตซักนิด จะรีบกลับมาในเร็ววัน




ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^-^






1 comments:

  1. เขินมากๆค่ะตอนคุณชานฮีกับคุณบยองฮอนเล่นดนตรีและร้องเพลงด้วยการ ค่อยๆมโนภาพตามแรงดึงดูดที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นจนคุณบยองฮอนห้ามตัวเองให้โน้มเข้าหาอีกฝ่ายไม่ไหวอีกแล้ว แล้วก็ยิ่งรู้สึกเขินมากขึ้นที่คุณชานฮีไม่ปัดป้อง มันเป็นการบรรยายฟิคที่ทำให้ฟินยิ้มและเขินจนแก้มปริมากๆเลยค่ะ >\\\\\\\\<
    เสียดาย..... ขออีกนิดได้ไหม 😆😆😆😆😆

    ReplyDelete