Tired



 
พูดอะไรหน่อยสิ ฉันกำลังล้มเลิกความตั้งใจแล้วนะ
ฉันขอโทษที่ฉันไม่สามารถเข้าไปถึงใจของเธอ
ฉันน่าจะเดินไปต่อได้อีกสักที่นะ
พูดอะไรหน่อยก็ได้ ฉันกำลังยอมแพ้ที่จะเดินแล้วนะ


















ไอร้อนจากร่างกายลอยออกมากระทบความเย็นภายนอกจนกลายเป็นไอสีขาว อากาศหลังจากพายุหิมะผ่านพ้นไป แม้จะยังคงหนาวเหน็บ สองขาที่กำลังเดินย่ำเศษหิมะอย่างอ้อยอิ่ง ส่งเสียงหวีดหวิวผิวปากอย่างเป็นสุข  ..เหมือนไม่รู้สึกร้อนหนาวกับอากาศที่กระทบผิวกาย

เป็นอีกวันที่จงฮยอนรู้สึกภูมิใจกับตัวเอง ชัยชนะที่ได้รับยิ่งเสริมสร้างกำลังใจในเส้นทางที่เลือก แม้จะยังขาดแรงสนับสนุน แต่วันหนึ่งเขาจะพิสูจน์ให้เห็น   ..แค่ต้องรอเวลา



..ครืดดดด..

อืม! เมื่อกี้ทำไมไม่รับสาย”   จงฮยอนกรอกเสียงกลับไปในสมาร์ทโฟน
 พอดีปิดเสียงไว้ตั้งแต่ตอนแข่งน่ะ นี่ก็รีบโทรกลับมาแล้วไง ..ขอโทษด้วยนะ 
ชอบทำให้ห่ว..ง   ..โมโหอยู่เรื่อยนะนาย!”  
เด็กหนุ่มยิ่งทำเสียงแข็งกลบเกลื่อนคำพูดของตัวเอง
 ขอโทษนะ..    ไม่มีคำอธิบายใดๆ
พูดคำอื่นเป็นมั้ย นอกจาก ขอโทษ เนี่ยะ..”   จะดีกว่านี้ถ้าคนในสายจะช่างพูดช่างคุย คงทำให้เข้าใจอะไรได้มากขึ้น ไม่ปล่อยให้เขาหัวเสียอยู่คนเดียวแบบนี้

 ก็ชั้นกลัวพูดไม่ถูกใจ เดี๋ยวนายจะโกรธอีก    
เหตุผลที่ตอบกลับมา ทำให้เขาหยุดเท้า

 แค่ไม่ค่อยพูด นายยังโมโหชั้นอยู่บ่อยๆเลย     คำตอบที่ไร้เดียงสานั้น จงฮยอนถึงกับหลุดยิ้ม


...โถ่เอ้ย ชางฮยอน


.  .  .


หลังจากสายตัดไป จงฮยอนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อโค้ทไว้อย่างเดิม สองขาเดินข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้าม เพราะแสงไฟสลัวภายในร้านซีดีที่ควรจะมืดสนิททำให้เขานึกสงสัย


...วันนี้ร้านปิดจะมีใครอยู่ในร้าน


ประตูหน้าร้านค่อยๆแง้มออกอย่างช่างใจ หากเป็นใครที่ไม่ประสงค์ดี จะได้หนีทัน

อ้าว! พี่ชานฮี”  
เสียงร้องทักตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น โล่งอกที่คนในร้านไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นพี่ชายที่ยังคงนั่งคุดคู้ หูทั้งสองข้างถูกตัดขาดการได้ยินจากเฮดโฟนที่ครอบอยู่

จงฮยอนเดินเข้าไปใกล้ร่างผอมบางอีกนิด

พี่ชานฮี!”  

มันได้ผล คนที่กำลังเพลิดเพลินในโลกของตัวเองสะดุ้งสุดตัว แต่ทันทีที่ดวงตาหันมาสบ จงฮยอนถึงกับใจหายวาบ รู้สึกผิดกับสิ่งที่เห็น..

ใบหน้าของชานฮีที่เปียกชื้น ใต้ตาบวมตุ่ย แดงช้ำ  ..เหมือนคนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมานาน


ผะ ผมขอโทษ..”  
จงฮยอนเอ่ยคำออกมาอย่างยากเย็น ทั้งตกใจและแปลกใจ อะไรทำให้คนเข้มแข็งอย่างชานฮี ต้องมานั่งร้องไห้อยู่เงียบๆแบบนี้

ยิ้มระบายมาอ่อนๆ สองมือพยายามเช็ดคราบน้ำตาเหล่านั้นออกไป
ถูกเห็นซะแล้ว..” 
ทั้งเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ ที่ชานฮีเค้นมันออกมา

ผมแค่เห็นไฟจากข้างนอกน่ะฮะ เลยเข้ามาดู  ..ไม่กวนพี่แล้วดีกว่า
จงฮยอนถึงกับทำอะไรไม่ถูก คิดแค่ว่า ไม่ควรมาเห็นอะไรแบบนี้


...พี่ชานฮีคงไม่อยากให้ใครเห็น


ไม่เป็นไรหรอก อยู่คุยกันก่อนสิ”   เสียงพูดที่ยังปนสะอื้น ดังขึ้นขัดจังหวะการหันตัวเตรียมออกจากร้าน

มีเพื่อนคุย พี่อาจจะดีขึ้น”  
เมื่อได้ยินเหตุผลนั้น ไม่มีทางที่จงฮยอนจะปฏิเสธ

ชานฮีเบี่ยงคอ เป็นสัญญาณให้น้องชายเข้ามานั่งใกล้ ซึ่งจงฮยอนก็ทำตามโดยง่าย

ไปไหนมาล่ะ?”  ประโยคแรกของบทสนทนาเป็นเรื่องของเขา


...พี่คงไม่อยากพูดถึงมัน คงแค่อยากมีเพื่อนคุย


ผม..ไปแข่งเต้นมาครับ ชนะด้วย”   จงฮยอนเผลอยิ้มอย่างลืมตัวกับเรื่องของตัวเอง ยิ้มที่สดใสและจริงใจจนชานฮีต้องยกยิ้มตาม

จะเอาดีทางนี้เลยเหรอ”   คำถามที่ทำให้รอยยิ้มก่อนหน้านั้นหมดลง
ไม่รู้สิฮะ คงต้องดูต่อไป..”   แววตาแบบเดิมที่ชานฮีสังเกตได้ ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ จงฮยอนมักจะแสดงท่าทีเหมือนปิดบังบางอย่าง

ที่บ้านไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย?”   คำถามแทงใจดำ ที่ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มหลบหน้ามองต่ำ

ผมก็หวังว่าวันนึงพวกเค้าจะเข้าใจ”   คำตอบที่ได้มาทำให้ชานฮีมองอย่างเอ็นดู

บอกอะไรไปตอนนี้ เค้าก็คงจะไม่ฟังหรอกฮะ แต่ถ้าผมทำให้เห็นความสำเร็จนั้นได้ มันก็คงจะง่ายขึ้น”  
แววตาแบบนี้ แววตาที่มุ่งมั่นของจงฮยอนที่ชานฮีพอใจนักหนา

แต่ในเมื่อตอนนี้ยังพิสูจน์ให้เค้าเห็นไม่ได้ ผมก็ต้องยอมทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้ง  ..เพราะยังไงครอบครัวก็สำคัญกับผม


ประโยคทิ้งท้ายที่สะกิดใจชานฮีอีกครั้ง


เมื่อย้อนนึกถึงตัวเอง เขาก็เติบโตมากับความรักที่แทบจะล้นอก แม้จะไม่ยั่งยืนถึงตอนนี้ แต่เขาก็มีพลังทุกครั้งที่นึกถึง แม้พ่อจะไม่ใช่คนแสดงออกได้เท่ากับแม่ แต่เขาก็รู้อยู่เต็มอกถึงความรักความห่วงใยนั้น ..ซึ่งอาจจะมากไปด้วยซ้ำ


ไม่ว่าจะผ่านเรื่องเจ็บปวดอะไร ที่ที่ยังรอคอยการกลับไปก็คือ..บ้าน



...สิ่งสำคัญที่สุดก็คือครอบครัว
                                                                                                                                                      
.

.

.


หลังจากแยกตัวจากจงฮยอน ก็เอาแต่คิดเรื่องนั้นอยู่ซ้ำๆ ชานฮีตั้งใจจะกลับเข้าบ้านดึกขึ้นอีกนิด คงดีถ้าพ่อของเขาจะเข้านอนแล้ว  ..แค่ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้า

แต่ดูเหมือนจะยังดึกไม่พอ แสงไฟในบ้านยังเปิดสว่างอยู่


...หรือพ่อกำลังรออยู่


ชานฮีได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากในบ้าน ฟังไม่ได้ศัพท์ จับเป็นคำไม่ได้ รู้แค่เหมือนเสียงพูดคุยกัน ขารีบสาวเท้าเข้าใกล้ให้ทันใจตัวเอง

ทันทีที่หยุดลงตรงหน้าประตู เสียงที่คุ้นเคย คำพูดมากมาย ได้ยินอย่างชัดเจน

“..บยองฮอน..”   ชื่อที่ถูกพูดขึ้นเพียงลมจากปาก

บยองฮอนรู้ทุกอย่างแล้ว มือที่สั่นเทายังยืนกำลูกบิดประตูไว้แน่น คอยฟังการโต้แย้งด้วยเหตุผลที่ต่างกันของสองคนข้างใน

ยิ่งคุยกัน น้ำเสียงของใครบางคนกลับยิ่งดังขึ้น คำพูดแข้งกร้าวขึ้น

ปล่อยไว้อาจจะยิ่งทำให้อะไรมันแย่ลง คนที่มั่นใจและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบบยองฮอนคงไม่ยอมลดละ  ..แม้แต่กับพ่อของเขา


คุณอีบยองฮอน คุณกำลังว่าพ่อผมนะ!


ตาเรียวเบิกขึ้น หันขวับไปมองต้นเสียง ไม่รู้ว่าชานฮีได้ยินอะไรไปบ้าง แต่เขาก็รับรู้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงนั้นได้


...ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกิน


ทุกครั้งที่ปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่ สิ่งที่ได้กลับคืนมามักเป็นความผิดพลาด ประโยคที่ทำให้ได้สติ ความรู้สึกผิดก็แล่นขึ้นมา


ผม.. ขอโทษ”  
ความหนักแน่น เกรี้ยวกราด หายไปหมดสิ้น เหลือเพียงคำพูดเบาบาง แสดงถึงการสำนึก

บยองฮอนโค้งตัวลงให้ชายร่างสูงโปร่ง
ผมขอโทษสำหรับกริยาที่ไม่สุภาพกับคุณอานะครับ


แต่สิ่งที่ผมพูด ผมยังอยากให้คุณอาลองคิดดูอีกที
แววตานั้นยังคงแข็งขืน แสดงถึงความชัดเจนในคำพูด


...”   
ไร้คำพูดใดๆ ชายร่างสูงโปร่งค่อยๆหันตัวเดินขึ้นชั้นบนของบ้าน ทิ้งสายตาสองคู่เบื้องหลังให้มองตาม แผ่นหลังที่กำลังห่างออกไป มันเคยดูสง่าผ่าเผยในความรู้สึกของบยองฮอน แต่ตอนนี้มันกลับลีบลู่ ดูหดหู่ 


ชานฮี..”
บยองฮอนเอื้อมไปรั้งข้อมือของคนที่กำลังจะเดินผ่านหน้าไป ..คนที่ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น ท่าทางปั้นปึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็น แต่คราวนี้มันดูต่างไป   ..ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกหวั่น


คือ.. ผมรู้เรื่อง..
ผมได้ยินหมดแล้ว.. ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ!”  
ชานฮีไม่ใช่คนพูดยืดเยื้อ แต่น้ำเสียงกระแทกกระทั้น นั่นก็ไม่ใช่นิสัย  ..นี่เป็นครั้งแรก

ทำไมกลับดึกแบบนี้ล่ะ..   ชานฮี นี่คุณร้องไห้มาเหรอ!? มีอะไรรึเปล่า?”  
แม้ในตาจะแห้งแล้ว แต่รอยบวมช้ำ ร่องรอยแดงก่ำยังคงมีให้เห็น

ต้องรายงานทุกเรื่องเลยสินะ!  
ใบหน้าที่เสมองไปทางอื่น แต่ความฉุนเฉียวในถ้อยคำและน้ำเสียง บยองฮอนได้ยินอย่างชัดเจน  ..และเขากำลังพยายามระงับอารมณ์

ถ้าคุณยังไม่พอใจเรื่องคุณอา ผมขอโทษ..”   บยองฮอนปรับระดับเสียงให้ฟังดูธรรมดาที่สุด

ฮึ.. ช่างขอดีจัง คุณก็ดีแต่ขอนั่นขอนี่!”   น้ำเสียงฉุนเฉียวในที แต่ใบหน้าที่กดต่ำ เหมือนไม่อยากสบตา


...อย่าพยายามเลยชานฮี แบบนี้มันไม่ใช่คุณ 


มือบางอันสั่นเทาถูกโอบด้วยมืออุ่นทั้งสองข้าง และที่สะท้านกว่าก็คือแววตา จึงไม่ใช่เรื่องยากที่บยองฮอนจะเข้าใจในการกระทำนั้น


ชานฮีกำลังจะหมดแรง


...โกรธผม โมโหผมสิบยองฮอน เกรี้ยวกราดใส่ผม อะไรๆมันคงง่ายขึ้น



อย่าทำเป็นชวนทะเลาะเลยชานฮี คุณเป็นคนมีเหตุผลมากกว่านั้น   ..คุยกันดีๆนะ”   บยองฮอนพยายามไล่ช้อนตาอีกคู่ที่พยายามหลบการจ้องมอง

ตากลมโตคู่นั้นปิดลงพร้อมแรงถอนหายใจอีกยกใหญ่
ปิดคุณไม่ได้เลยสินะ..”   เปลือกตานั้นค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าระบายยิ้มอ่อนๆ


สุดท้ายก็ต้องยอม


...แพ้อีกแล้ว


ตานั้นยิ่งสั่นไหว เมื่อมองลึกลงไปในดวงตาเรียวเล็ก มากกว่าคำพูดมากมาย คือความรู้สึกที่อยากถ่ายทอดให้อีกคนเข้าใจ แววตาที่ไม่สามารถจะหลอกลวงได้ บ่งบอกความรู้สึกที่แท้จริงๆได้มากกว่าคำพูด

ผม..”   

นิ้วเรียวยกแตะริมฝีปากนั้นเพียงแผ่วเบา

อย่าเพิ่งพูดอะไร ชานฮี ..แค่ฟังผม

น้ำเสียงอ่อนละมุนแบบนั้น นี่คงเป็นอีกครั้งที่บยองฮอนจะขอ..

ถ้าคุณยังไม่พอใจเรื่องเรียนต่อละก็ ผมขอโทษอีกทีนะ ที่มาเนี่ยะก็เพื่อจะมาบอกทุกอย่าง ผมคิดได้แล้ว ..ตัดสินใจแล้ว


เมื่อแก้มเนียนนุ่มถูกปลายนิ้วทั้งสิบประคองขึ้นอีกครั้ง บังคับให้ตากลมโตที่ดูเหนื่อยล้า มองกลับเข้าไปในตาเล็กอีกคู่


ความอ่อนโยนที่ชานฮีได้รับ ..ช่างร้ายกาจ มันกำลังบั่นทอนความเข็มแข็งของเขาลงทีละนิด


...รักเกินไปแล้ว



ผมเลือกคุณ..  จะไม่ไปไหนแล้ว จะใช้เวลาด้วยกัน..ให้มากขึ้น ผมมีอีกตั้งหลายเพลงที่อยากให้คุณร้อง ขนมที่ร้านนั้นเรายังชิมกันไม่หมดเลย ผมจะไปเดินเลือกซีดีที่ชอบแล้วเอามาแลกกันฟัง อ้อ.. เผื่อยูจองด้วยอีกก็ได้ คุณจะไปดูผมเล่นดนตรี แล้วเราก็เดินกลับบ้านด้วยกัน หรือถ้าดึกไป เราก็นั่งแต่งเพลงรอรถไฟกันที่ชมรมก็ได้   ..มีอะไรตั้งหลายอย่างที่อยากทำด้วยกัน อยากให้มีคุณ เป็นส่วนหนึ่งของผม

บยองฮอนจ้องเข้าไปในลูกตาคู่นั้น เพื่อยืนยันในทุกๆคำ

“ ..ผมไม่เคยอยากแชร์ชีวิตกับใครเท่านี้ ชานฮี
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง ความตั้งใจทั้งหมดที่บอกให้คนตรงหน้ารับรู้ อยากจะปลดปล่อยความทุกข์ใจต่างๆนานานั้นออกไป

เชื่อใจผมได้มั้ย.. ผมยืนยันสิ่งที่เคยพูด จงมีความสุขกับวันนี้ และทุกสิ่งทุกอย่างเราจะช่วยกันประคับประคองให้ไปข้างหน้า


เหตุผลและถ้อยคำหว่านล้อมที่ทำให้ชานฮีหลงลืมความเป็นตัวเอง ทลายกำแพงจิตใจให้โอนอ่อน ยอมให้ความรู้สึกอยู่เหนือความจริง  ..ชานฮีจำได้ดีทุกคำ

           
“..แต่ชานฮี ผมทำมันคนเดียวไม่ได้ เราต้องช่วยกัน คุณต้องช่วยผม เหตุผลร้อยแปด ทั้งชางบอม ทั้งพ่อคุณ หรือใครก็แล้วแต่ ผมไม่แคร์ ..ทุกอย่างอยู่ที่คุณ


เจ็บจุกอีกครั้ง กับสายตาที่จ้องเข้ามา ความคาดหวังที่เต็มเปี่ยมของบยองฮอน และความจริงที่เขาไม่ควรรู้สึกพิเศษกับใคร จนเกิดปัญหายุ่งยากตามมาแบบนี้

เขารู้ทุกอย่าง แต่ก็ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้ มันคงจะดี ถ้าจะทำเป็นหลงลืมข้อจำกัดของตัวเองออกไป เขาคงเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุด ดีแค่ไหนที่ได้รับความรู้สึกดีๆจากใครซักคนแบบนี้


สุดท้ายตาแดงก่ำที่เริ่มมีน้ำเอ่อคลออีกครั้ง



...ดีเกินไปแล้วบยองฮอน ยิ่งคุณดีเท่าไหร่

...ก็ยิ่งทำไม่ลง

...ผมเห็นแก่ตัวไม่ได้


ชานฮีค่อยๆขยับมือเล็กน้อยเพื่อให้พ้นจากการเกาะกุม สองขาอ้อยอิ่งพาตัวเองนั่งลงตรงโซฟาตัวที่บยองฮอนเพิ่งลุกมาไม่นาน ใช้มือไล้สัมผัสกระเป๋ากีตาร์ใบใหญ่ที่ตั้งพิงพนักไว้  ..นึกถึงวันแรกที่ได้เห็นมัน

กีตาร์ตัวนี้คือความประทับใจแรก แม้จะเพียงไม่นาน แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด


รอยยิ้มอ่อนๆถูกระบายบนหน้าอีกครั้ง เป็นการเชื้อเชิญให้อีกคนตามมานั่งไม่ไกลกัน


เวลาแค่ไม่เท่าไหร่  ..มันเร็ว จนผมกะเกณฑ์อะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกที มันก็มาไกลกว่าที่ควรจะเป็นซะแล้ว ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีสิทธิ์ได้รับความรู้สึกดีๆขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนอย่างคุณ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่า มันเกิดขึ้นเพราะคุณ มันเป็นเพราะคุณ ผมอยากจะขอบคุณให้สมกับความรู้สึกนั้น

แววตาที่บยองฮอนคิดว่ามันไม่เคยโกหกหรือหลอกลวง ตอนนี้มันกำลังบอกเขาว่า ชานฮีรับรู้ และซึมซับทุกความรู้สึกที่เขามีให้ไว้เต็มอก ดวงตาที่จ้องสบกันไม่ลดละ ถ้อยคำขอบคุณ แสดงออกมาอย่างจริงใจ


แต่ไม่ใช่ผมไม่เชื่อใจคุณนะ ปัญหามันคือผม ผมผิดที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น ยิ่งคุณคาดหวัง ผมก็ยิ่งกลัว ผมไม่รู้ว่าจะทำให้คุณมีความสุขได้แค่ไหน

ไม่ว่าจะอย่างไร ผลมันก็คงไม่ต่างไปจากเดิม ต่อให้รักหรือผูกพันกันมากแค่ไหน สุดท้ายก็กลับมาที่เหตุผลเดิม

ชีวิตคุณไม่ได้มีแค่ผมนะ ยังมีสิ่งที่สำคัญนอกจากผม คุณยังมีครอบครัว มีพ่อแม่ มีน้องสาว สิ่งที่คงอยู่และจะอยู่กับคุณไปตลอดก็คือครอบครัว  ..ไม่ใช่ผม

ชานฮีกลืนก้อนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

วันนึงที่ผมจำคุณไม่ได้ คุณก็จะกลายเป็นคนอื่น ไม่ว่าจะยังไงความทุกข์นั้นมันจะตกอยู่ที่คุณ สิ่งที่คุณควรคิดถึงตอนนี้คืออนาคต ซึ่งคุณมองเห็นชัดเจนและมั่นคงกว่า ความรักมันเป็นเรื่องชั่วคราว อย่าปล่อยให้ความหลงต้องทำให้คุณเดินผิดทางเลยบยองฮอน คุณบอกผมเองไม่ใช่เหรอ ว่าแสงแห่งวันใหม่จะเติมพลังให้เรา ในเมื่อพระอาทิตย์ก็ขึ้นทุกๆวัน ทำไมคุณไม่ทำอะไรเพื่อตัวเองก่อน คนที่ทิ้งความภูมิใจของครอบครัวเพื่อคนอื่น ผมไม่ได้ชื่นชมหรอกนะ ทำสิ่งที่คุณควรทำ  ..มีไม่กี่คนที่พระเจ้าจะประทานความหวังและความตั้งใจที่เต็มเปี่ยมมาให้แบบคุณ เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าอย่าทิ้งมันไปสิ”   


บยองฮอนยังคงก้มหน้ายิ่ง รู้สึกว่ากำลังจนมุม

ถ้าเหตุผลแค่นี้ผมรับไม่ได้หรอกนะ ถ้าจะหยุด ขอแค่เหตุผลเดียวคือ คุณเกลียดผมแล้ว

คุณพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าเราจะไม่เกลียดกัน เราจะใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
แต่นั่นมันเป็นเหตุผลของคุณทั้งนั้น! ไม่ใช่ของผม!”   เสียงร้องทักอย่างเอาแต่ใจ จะให้ยอมรับอะไรง่ายแบบนี้ไม่ได้หรอก

ผมไม่ได้ให้คุณทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว  ..แต่เพื่อผมด้วย”  
ตาเรียวมองกลับมาเป็นเชิงถาม คิ้วบางขมวดเข้าหากันยิ่งขึ้น เมื่อยิ่งไม่เข้าใจ

ยื้อกันไปแบบนี้มีแต่จะสร้างแรงกดดันให้ผม เพราะพ่อที่ไม่ยอมปลดปล่อยแม่ไป จนแม่ฝังใจกับความบกพร่องของตัวเองในฐานะแม่และภรรยา โหยหาและกลัวที่จะหลงลืม ครอบครัว เสียงเพลง มันคือความสุขของแม่ สุดท้ายต้องมาทรมานกับการสูญเสียความทรงจำที่มีคุณค่านั้นไป อยากไขว้คว้าเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ เจ็บปวดจนทนไม่ไหว..

เป็นบยองฮอนบ้างที่ทั้งสองมือถูกเกาะกุมไว้ นี่คงเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้ายที่ชานฮีจะขอ

ผมไม่อยากเสียใจเหมือนแม่ ..ถ้าคุณปล่อยผมไปซะตั้งแต่ตอนนี้ เราก็จะเสียใจกันแค่วันนี้ อย่างน้อยยังมีเรื่องดีๆให้คิดถึงกันไง

“...”
เป็นอีกครั้ง ที่น้ำตาร่วงหล่นเพราะคนเดียวกัน บยองฮอนไม่สามารถหาคำพูดใดๆมาหว่านล้อมได้เหมือนทุกครั้ง สิ่งที่ต้องพูดก็พูดออกไปหมด แต่ในเมื่อทุกทางออกมันถูกปิดตายด้วยประตูที่ชานฮีสร้างไว้อย่างแน่นหนา เปิดเพียงแค่แสงสว่างจากประตูความคิดเดียว ..คือ


ต้องจากกัน..


บยองฮอนโถมตัวเข้าโอบกอดคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า ทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงเหมือนจะสิ้นใจ หมดแรง ..หมดทุกอย่าง

จะจบกันแบบน่ะเหรอ ..ชานฮี”   บยองฮอนกำลังตัวสั่น เขากลั้นมันไม่ไหวแล้ว อ้อมกอดรัดตึงขึ้น อยากจะอยู่แบบนี้ไปอีกนานๆ ยิ่งผูกพันกันแค่ไหน ก็ยิ่งกลัวการห่างไกลมากขึ้น

ถ้าเป็นไปได้ เราควรกลับไปอยู่จุดเดิม  ..ที่เราไม่รู้จักกัน”   ร่างกายที่ยังถูกโอบรัด กลั้นใจเอ่ยมันออกมา

อ้อมกอดคลายลงทันที ตาเรียวที่ตอนนี้ขอบตาคลอไปด้วยน้ำ มองเขม็งมาที่เขา

เหลือแค่ความทรงจำดีๆให้กันก็พอ ผมจะได้ยิ้มเวลาคิดถึงคุณ คิดถึงเพลงของคุณ
ตากลมโตที่เปียกชื้นพอกัน ฝืนยิ้มจ้องกลับเข้าไปในตาคู่นั้น

  


...แค่มีเรื่องดีๆให้นึกถึง ก็พอแล้ว


.

.

.


ถ้าเป็นเมื่อก่อน ทุกครั้งที่มีเรื่องกวนใจ ที่เดียวที่จะหนีไปสงบสติอารมณ์ หรือใช้เวลากับความคิดของตัวเองก็คือ ห้องชมรม

แต่เพราะแม้แต่ห้องนั้นก็ไม่ใช่ที่ของเขาคนเดียวซะแล้ว มันกลับมีเงาของอีกคนทับซ้อนในความคิดตลอดเวลา

บยองฮอนพาร่างกายมาอย่างอ่อนล้า ค่อยๆเดินทีละก้าวอย่างหมดแรง จิตใจเขาเพิ่งถูกทำลาย ถูกช่วงชิงความตั้งใจและความรู้สึกดีๆไปจนหมดสิ้น




...ติ๊งหน่อง~...

ประตูบานไม้สีขาวเปิดออก

บยองฮอน!   หญิงวัย40ต้นๆที่มีอาการง่วงงุนก่อนหน้าถึงกับตาสว่าง

มีอะไรรึเปล่า ทำไมไม่โทรมาก่อนละลูกว่าจะมา..”  ตกใจที่อยู่ๆลูกชายก็โผล่มาหาถึงนอกเมือง ดึกดื่นขนาดนี้

บยองฮอนโผเข้ากอดอกอุ่นๆนั้นเต็มรัก
คิดถึงน่ะฮะ คืนนี้อยากนอนกอดแม่”   ถึงจะใช้น้ำเสียงและหน้าตาออดอ้อน แต่แววตานั้นกลับซ่อนไม่อยู่
อะไรกัน เพิ่งห่างกันไม่กี่วันเองนะ..”  

ไหล่เล็กที่สั่นไหว แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ ทำไมคนเป็นแม่จะไม่สังเกต แค่ยังไม่รู้เท่านั้น ว่าเรื่องที่กวนใจลูกชายอยู่ตอนนี้คืออะไร

ผม..เหนื่อยแล้วครับแม่”  
ใบหน้านั้นยังคงฝังอยู่บนไหล่อุ่น เสียงอู้อี้เหมือนเด็กทำให้คนเป็นแม่อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้


วงแขนที่โอบล้อม มือของแม่ยังคงตบลงเบาๆที่แผ่นหลังและไหล่บาง   ..ถึงจะพยายามทำตัวเป็นผู้ใหญ่ ถึงแม้จะแสดงด้านเข้มแข็งมากแค่ไหน แต่ลูกก็ยังเป็นเด็กน้อยในอ้อมกอดของแม่เสมอ

กินอะไรมารึยัง”   มือที่ยกลูบปอยผมอย่างอ่อนโยน ต่อให้ถามอะไรไปมากกว่านี้ ก็คงไม่ได้คำตอบ

หิวมากเลยฮะ ..อยากกินไข่ม้วนฝีมือแม่ ทำให้ผมกินหน่อยนะฮะ”   บยองฮอนตอบ ทั้งๆที่ยังกอดอยู่อย่างนั้น




...ชานฮีพูดถูก สิ่งสุดท้ายที่เหลือก็คือครอบครัว






-TBC-



Say something, I'm giving up on you
พูดอะไรหน่อยสิ ฉันกำลังล้มเลิกความตั้งใจแล้วนะ
I'm sorry that I couldn't get to you
ฉันขอโทษที่ฉันไม่สามารถเข้าไปถึงใจของเธอ
Anywhere, I would've followed you
ฉันน่าจะเดินไปต่อได้อีกสักที่นะ
Say something, I'm giving up on you
พูดอะไรหน่อยก็ได้ ฉันกำลังยอมแพ้ที่จะเดินแล้วนะ


>>> A Great Big World - Say Something

Trans: IamlittleBird




คุยๆ เป็นการเขียนที่ขุดหลุมฝังตัวเองมาก คือต้องสื่อสารออกมาทั้งสองทาง จินตนาการถึงข้อโต้แย้งหรือเหตุผลของทั้งสองฝ่าย ให้มันดูสมเหตุสมผลที่สุด ..หมดพลังไปหลายยกเลย (_ _”)




สนุกกับการอ่านนะ ..ไม่ต้องเศร้า ^-^





1 comments:

  1. ไม่ว่าจะผ่านเรื่องเจ็บปวดอะไร ที่ที่ยังรอคอยการกลับไปก็คือ..บ้าน

    ...สิ่งสำคัญที่สุดก็คือครอบครัว


    ชอบประโยคนี้มากๆเลยค่ะ
    สงสารทั้งชานฮีและบยองฮอน อ่านไปความรู้สึกจุกและหน่วงอัดอยู่ที่คอกันเลยทีเดียว ไม่ใช่ไม่รัก มันเป็นการขอร้องให้อีกฝ่ายจากไปทั้งที่ยังรักกันเหลือเกิน แล้วจะทำอย่างไรได้ ก็เพราะรักใช่มั่ยที่ทำให้ต้องยอม กลับมาอ่านกี่ครั้ง ก็ยังคงเสียน้ำตาทุกครั้งเลยค่ะ

    ReplyDelete