Cover Your Tracks





หัวใจผม ติดตามคุณไป
เลือดที่ไหลรินออกมาอาจช่วยขจัดความปรารถนาออกไปได้
จิตวิญญาณผม จะช่วยรักษาแผลของคุณ
เพื่อทดสอบตัวตนของคุณ เปิดใจให้ผมหน่อยเถอะ
















. . . . .

. . . .

. . .

. .

.


สวัสดี ขอนั่งด้วยคนได้มั้ย”  
เสียงเล็กๆจากเด็กชายปากบางโน้มตัวลงถามเพื่อนใหม่ที่กำลังยึดม้านั่งประจำของเขา

เด็กชายแก้มป่องค่อยๆเงยขึ้นมองต้นเสียงนั้น มีแค่อาการพยักหน้าแทนคำอนุญาตจากเด็กชายอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา
ขอบใจ..”  
เจ้าของเสียงเล็กคนเดิมเอ่ยก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ จนตัวเกือบจะติดกัน
ตรงนี้อ่ะน่ะลมเย็นสบาย ละก็เงียบดีด้วย นายว่ามั้ย”   เสียงเล็กเริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
“...” 
มีใครเป็นอะไรเหรอ?”   เสียงใสไม่ยอมแพ้ ยิ่งเห็นอีกคนหม่นเศร้าเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากชวนคุย
เด็กชายแก้มป่องเงยหน้ามองคนช่างพูดข้างตัวอีกครั้ง แววตาตั้งคำถามกลับ
ก็ที่นี่มันโรงพยาบาลใช่มั้ยล่ะ ถ้าไม่มีใครไม่สบายก็คงไม่มาที่นี่หรอก”   เสียงใสระบายยิ้มกลับไปอีกครั้ง
ชั้นน่ะ ไปๆมาๆจนแทบจะรู้ทุกซอกทุกมุมเลย
คราวนี้สายตาหม่นคู่นั้นกลับจ้องหน้าเพื่อนเสียงใส เหมือนรอฟังในสิ่งที่จะพูดต่อไป
แม่ชั้นไม่สบายน่ะ”  เสียงใสแกว่งขาไปมาเล่น ทำเหมือนสิ่งที่พูดไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
เหมือนกัน..”  
ขาที่แกว่งไกวเมื่อครู่ หยุดลงทันทีที่ได้ยินเสียงตอบกลับ
คุณหมอบอกว่า คุณแม่ต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวันเพราะไม่สบายมาก ยังกลับบ้านไม่ได้
แล้วนายก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
เด็กน้อยส่ายหน้า
เย็นๆ คุณป้าจะมารับ คุณหมอบอกว่า ถ้าชั้นอยู่ที่นี่ ชั้นก็จะไม่สบายไปด้วย”  
หน้าตาที่ว่าหมองแล้ว น้ำเสียงกลับเศร้ายิ่งกว่า ทำไมเขาจะไม่รู้ จริงๆก็เบื่อที่จะต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆ เพราะตั้งแต่ที่แม่ป่วย เขาก็ไม่ได้ไปไหนมาไหนเหมือนเมื่อก่อน นอกจากจะมาวิ่งเล่นที่โรงพยาบาล
เอาอย่างนี้นะ จนกว่าป้านายจะมารับ ชั้นจะเล่นเป็นเพื่อนนาย จะได้ไม่เบื่อ ..ดีมั้ย”  
อื้ม”  ใบหน้าที่แต้มยิ้มกับน้ำเสียงสดใส ทำให้เด็กน้อยหน้าหม่นพยักหน้ารับอย่างพอใจ

แต่ว่า.. ชั้นต้องรู้ชื่อของเพื่อนเล่นก่อนนะ”   เสียงใสยังคงมีรอยยิ้มตลอดเวลา พอใจไม่น้อยกับการได้เพื่อนใหม่
. . .                                       

ด้วยความอยากรู้ เด็กน้อยเสียงใสนั่งมองเด็กชายหน้าเศร้าคนนี้จากหน้าต่างห้องของแม่มาซักพักแล้ว จนแม่คงสังเกตได้
เด็กดีของแม่ไม่เข้าไปคุยกับเค้าหน่อยเหรอ แม่ว่าเค้าคงอยากมีเพื่อนคุยนะ”  
แม่ยังคงยิ้มสดใส ทั้งๆที่กำลังโดนคุณหมอเอาเข็มแหลมๆจิ้มแขนอยู่

ไม่มีใครบอกหรืออธิบายให้รู้ว่าแม่ป่วยเป็นอะไร และเขาคงเด็กเกินไปที่จะสนใจถาม กลับรู้สึกว่าแม่ก็ปกติดี ไม่เห็นมีสายระโยงรยางค์เหมือนคนอื่นๆ ที่ทำให้ดูเหมือนคนป่วยก็น่าจะมีแค่ต้องทานยาแล้วก็โดนคุณหมอเอาเข็มมาเจาะตามร่างกายเป็นประจำ

. . .

อูชางบอม ..แล้วนายล่ะ”   เด็กชายที่กลับมาดูสดใส ยืดตัวตรงถามเพื่อนใหม่
ชั้น อีชานฮี ยินดีที่ได้รู้จักนะ อืมมมมม.. บอมมี่
“...?...”
ชั้นเรียกบอมมี่ได้มั้ย ..ก็มันน่ารักดี”   เด็กชายชานฮีใช้รอยยิ้มแบบที่ใครก็ปฎิเสธไม่ได้
อื้ม”   เด็กชายชางบอมยิ้มยินดีกับชื่อใหม่
งั้นชั้นเรียกนาย ชอนจิ บ้าง
ชานฮีเอียงคออย่างสงสัย
ชื่อน้องหมาที่คุณแม่เคยเลี้ยงน่ะ มันตากลมๆเหมือนนายนี่แหละ”   ว่าพลางก็ใช้นิ้วเล็กๆยื่นมาแตะเบาๆตรงเปลือกตากลมโต ที่หรี่ลงอยู่ก่อนแล้ว
เมื่อรู้สึกว่ามือนั้นละออกไปแล้วจึงเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง
แล้วเจ้าชอนจิ มันน่ารักมั้ย”   ชานฮีเอียงคอไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
น่ารักสิ น่ารักมากเลย ตัวมันเล็กๆนะ ขนสีขาวฟูๆ ขี้อ้อนมากด้วย”  ชางบอมตอบอย่างตื่นเต้นเมื่อนึกถึงเจ้าชอนจิ
งั้นก็โอเค ชั้นจะเป็นชอนจิให้นาย”  
พอสิ้นเสียงหัวเราะของทั้งคู่ เด็กชายชานฮียื่นมือขวาไปหาเด็กชายชางบอม เหมือนเป็นการขอคำยืนยันว่า ตั้งแต่วันนี้ไปเขาทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกัน


.

. .

. . .

. . . .

. . . . .



เท่าที่ชั้นรู้ ที่นั่นมันเพิ่งเปิดเทอมไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าไปทำห้าวไว้”   เสียงซักไซ้เพื่อน ที่จู่ๆก็โผล่มาแบบไม่ให้รู้ตัว
ชั้นเลิกซ่าไปนานแล้วนายก็รู้ ตอนนี้กระดูกกระเดี้ยวก็ไม่เปรี๊ยะเหมือนเมื่อก่อน”   เสียงพูดขัดขึ้นโดยไม่รอให้อีกคนพูดจบ
ดร็อปไว้น่ะ..พอดีมีธุระนิดหน่อย”  
ไม่นิดมั้งครับ! ขนาดหยุดเรียนแล้วถ่อมาถึงนี่” 
แอลโจ.. ชั้นเจอชอนจิแล้วนะ”   
สายตาจริงจังแบบนั้นอีกแล้ว ทุกครั้งที่พูดถึงชื่อนี้ เขาสังเกตได้ว่าแววตาของชางบอมมักจะเปลี่ยนไป เคยได้ยินชื่อนี้มาหลายครั้งแล้ว ลองถ้าชางบอมตั้งใจจะทำอะไรซักอย่าง ใครก็ห้ามไม่ได้

ด้วยความบังเอิญบางอย่าง เขากับชางบอมรู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่เกรด2* ที่อเมริกา จนสนิทกันมาเรื่อย เพิ่งจะแยกกันตอนที่บยองฮอนต้องกลับมาเรียนที่เกาหลี อาจจะเพราะเป็นเด็กต่างถิ่นเหมือนกัน จึงเข้าใจถึงความเหงาของการอยู่แปลกที่แปลกภาษา

แต่ที่สำคัญคือ การเข้าใจถึงความรู้สึกของการถูกมองว่า ..ไม่มีค่า

นับวันชั้นยิ่งฝันแบบเดิมซ้ำๆ เห็นหน้าคุณน้าในฝันที่ไร ตัวเย็นวาบไปหมด มันเหมือนจริงจนน่ากลัว”   ชางบอมหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิม มือบีบเข้าหากันแน่น
ขนาดไม่เจอกันเป็นสิบปี ชั้นยังจำหน้าตา บุคลิกลักษณะทุกอย่างได้ดีอยู่เลย”   ชางบอมเล่าไปทั้งๆที่ตาเหม่อลอย เหมือนกำลังนึกภาพตามไปด้วย
ก็อย่างที่ชั้นเคยบอก นายเองก็รู้สึกผิดไม่น้อย และที่มาเนี่ยะเพราะอยากมาขอโทษพวกเค้าใช่มั้ยล่ะ งั้นก็อย่าโทษว่าตัวเองไม่ดีสิ”   บยองฮอนตบบ่าเพื่อนเบาๆ

ชางบอมพยักหน้ารับอย่างหดหู่
กับทั้งคุณน้าและชอนจิ จนกว่าชั้นจะทำอะไรให้มันถูกต้อง ไม่งั้นคงรู้สึกแย่ไปจนตายน่ะแหละ”  
อืม.. เท่าที่เคยฟังมา เพื่อนนายคนนี้นิสัยก็ไม่ได้แย่อะไร แค่นายต้องพูดทุกอย่างเหมือนที่พูดกับชั้น เขาก็คงเข้าใจได้ไม่ยาก ชั้นเอาใจช่วย”  

นายเถอะ มีอะไรดีๆจะเล่าให้ชั้นฟังรึเปล่า”   ชางบอมเบนความสนใจ ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ผิดกับก่อนหน้าลิบลับ เขารู้สึกได้ว่าบยองฮอนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ..ในทางที่ดีซะด้วย
หือ? หมายถึงอะไร? มีไรก็เมล์คุยไปหมดแล้วนี่..”  
ถ้าให้ชางบอมบรรยายหน้าของบยองฮอนตอนนี้ ก็คงเหมือนเด็กที่แอบกินขนมแล้วถูกจับได้
ชั้นหมายถึงยูจอง นายบอกการผ่าตัดออกมาดี ก็เลยอยากรู้ข่าวคราว ร้อนตัวนะเนี่ยะ
ก็เหลือแต่กลับมาพักฟื้นที่บ้าน นี่ก็เพิ่งไปรับมาเมื่อเช้า พอหายป่วยก็แสบเหมือนเดิม

บยองฮอนตอบมาอย่างที่ถาม ชางบอมนึกขำกับความซื่อเกินไปในบางที
...เพราะเป็นแบบนี้นายถึงโดนแกล้ง หน้าหล่อๆไม่ช่วยให้ฉลาดเท่าไหร่เลย

เอาละ.. งั้นชั้นไปก่อนดีกว่า จะได้เวลาแล้ว”   พูดจบชางบอมตบหน้าตักก่อนยืดตัวขึ้นจากขั้นบันไดที่นั่งคุยกัน
อ้าว นึกว่านายจะมาดูชั้นเล่นซะอีก วันนี้วงมีโชว์พิเศษด้วยนา”   บยองฮอนประท้วงอย่างหัวเสีย
ดูนายเล่นจนเบื่อละ อีกอย่างชั้นก็มีนัดสำคัญ ..กับชอนจิน่ะ”   ชางบอมสายตาดูจริงจังอีกครั้ง

...คงสำคัญกับนายมากจริงๆ

อื้ม งั้นไว้เจอกัน”  บยองฮอนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนโบกมือ หันตัวขึ้นบันไดเข้าไปในคลับ
นี่แอลโจ ชั้นว่าวันนี้ตนายเข้มไปหน่อยนะ อ่อ..ว่างๆก็นัดกินข้าวกันบ้าง ชั้นอยากเจอคนนั้นของนาย ฮ่าๆๆ”  เสียงหัวเราะร่าจากชางบอมไล่หลังเพื่อนตัวบาง นานๆเจอกันทีก็ขอแซวให้หายคิดถึง

...โธ่ แอลโจ ถ้าจะปิดก็ให้มันมิดกว่านี้หน่อยเซ่        

เจ้าของชื่อหันขวับกลับมาด้วยท่าทีเลิ่กลัก
คนไหน! อะไร! นี่!! แล้วชื่อนั้นน่ะ เมื่อไหร่จะเลิกเรียกซะที!! บยองฮอนครับ อีบยองฮอน!!   ทำทีเป็นแหวใส่แก้เขิน

...แล้วจะเขินทำไม

คนที่ทิ้งระเบิดไว้ กลับเดินหัวเราะออกไปแบบไม่สนใจเสียงนกเสียงไก่ที่ไล่หลัง

.

.

.

หลังจากผละออกมาจากเพื่อน ฝีเท้าที่เดินดุ่ยๆก็ค่อยๆช้าลง ..ช้าลง

การกลับมาอยู่ในสภาพ คุ้นที่คุ้นภาษา และยิ่งได้เจอคนที่เคยรู้จักผูกพัน เรื่องที่เคยคิดว่าเราน่าจะลืม หรือเลือนลางไป กลับยิ่งชัดเจนขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ความทรงจำหลายอย่างที่เกิดขึ้น แค่ถูกสังคมและสภาพแวดล้อมใหม่ๆเบนความสนใจไปเท่านั้น มันแค่ถูกกดทับให้ฝังลึกลงสู่ด้านล่าง เพียงแค่มีบางอย่างมาขุดคุ้ยก็พร้อมที่จะฟุ้งกระจาย ล่องลอยให้เด่นชัดขึ้นมาอีกครั้ง

เพราะอาการป่วยจากมะเร็งสมองระยะสุดท้าย ทำให้แม่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อาการเริ่มทรุดหนักหลังจากแยกทางกับพ่อ สุดท้ายพ่อก็หนีไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น เขาปฏิเสธการขอเป็นผู้อุปการะจากพ่อครั้งแล้วครั้งเล่า และสัญญาว่าจะอยู่ดูแลจนกว่าแม่จะหาย ถึงแม้จะเหลือแค่สองคนแม่ลูก
แต่เรื่องมันก็ไม่ได้ง่าย เมื่อแม่สู้มาจนสุดกำลังและจากเขาไป โดยทางกฎหมายเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเป็นที่จะต้องมีผู้ปกครอง เขาจึงไม่สามารถขัดพ่อได้อีก และจำเป็นที่จะต้องย้ายตามไปอยู่ที่อเมริกา เมื่อไม่มีแม่ก็ไม่อยากจะเป็นภาระของป้าอีก ญาติทางแม่คนเดียวที่เหลืออยู่

ในวันที่แม่จากไป เขาร้องไห้มากแค่ไหนจำไม่ได้ กำลังใจเดียวที่มีตอนนั้นคือเสียงเล็กๆบางๆจากเพื่อนสนิท คนที่ไม่เคยห้ามเขาเวลาร้องไห้ แต่แค่จะจับมือกันไว้จนกว่าจะรู้สึกดี

ไม่เหลือใครแล้วชอนจิ ไม่มีใครรักชั้นอีกแล้ว”   เสียงร้องไห้ฟูมฟายของเด็กชายชางบอม เขาคิดว่า นี่คงเป็นวันที่เสียใจที่สุดในชีวิต

อย่าพูดว่าไม่มีใครรักสิ เพราะคนที่รักนายเค้าจะเสียใจนะ”  
ชานฮีโอบแขนข้างหนึ่งลูบไหล่ชางบอมไปมา

ตากลมโตคู่นั้นช้อนมองเพื่อนที่กำลังก้มหน้าร่ำไห้ เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น สองมือยกขึ้นประคองข้างแก้มนั้นให้หันมาสบตา นิ้วหัวแม่มือเล็กๆช่วยกันปาดน้ำตาทิ้ง เพื่อนของเขาไม่เหมาะกับคราบน้ำตาจริงๆ เวลาแบบนี้ยอมให้ชางบอมเป็นเด็กแสบ เด็กซน ดีกว่ามานั่งเสียใจ

ชั้นนี่ไงบอมมี่ ชั้นรักนายนะ”   
สองมือยังประคองใบหน้าเล็กนั้นไว้ เจ้าของปากบางค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปใกล้

และใกล้ขึ้น..

จนรับรู้ถึงสัมผัสของการจุมพิตแผ่วเบาที่แตะลงไป เพียงแค่ชั่ววินาทีก็ผละออก

 ก็แม่นี่ไง แม่รักชานฮีนะ อย่าพูดอีกนะว่าไม่มีใครรัก เพราะแม่จะเสียใจ 
แม่มักจะกอดเขาไว้ และพรมจูบอย่างบางเบา เพื่อปลอบขวัญ

ชานฮีเข้าใจว่ามันเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความปรารถนาดี แม่เคยบอกว่า ถ้าเรารักหรือรู้สึกดีกับใคร เราต้องแสดงให้เขารู้ ก่อนที่วันหนึ่งเขาหรือเราอาจจะลืมกันไป

 ความรักเป็นสิ่งที่ดีนะชานฮี เหมือนแม่รักชานฮี ชานฮีก็รักแม่ 

แม่มักจะแสดงออกทางการสัมผัส มากกว่าคำพูด ทุกครั้งที่ได้สัมผัสเหล่านั้น เขาจะรู้สึกสงบและมีความสุข บางครั้งชานฮียังนึกสงสัย ว่าแม่ของเขาเป็นคนธรรมดาหรือเป็นนางฟ้ากันแน่

และเมื่อสัมผัสอันบางเบานั้นได้ถูกส่งผ่านไปยังคนตรงหน้าแล้ว กลีบปากบางที่ละออกมา ถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยน

...ทำเหมือนที่แม่เคยทำ


ไม่ใช่การจาบจ้วง หรือฉวยโอกาส ทั้งๆที่มัน นุ่มนวล..แผ่วเบา.. และ บริสุทธิ์..


แต่เขากลับ..


ทำบ้าอะไร!!   นายจูบชั้น!!
ชานฮีกระเด็นไปตามแรงผลัก มือที่กระแทกหน้าอกเมื่อครู่ยกขึ้นขยี้ริมฝีปาก แววตาดูรังเกียจ ..ขยะแขยง

ผลักไส!

ทำไมล่ะบอมมี่ ไม่ได้เหรอ? แม่ยังทำแบบนี้กับชั้นบ่อยๆเลย”   
ชานฮีทั้งตกใจและไม่เข้าใจกับปฏิกิริยานั้น

. . .

ความคิดที่กำลังฟุ้งกระจาย ถูกรวบกลับเมื่อรู้สึกตัวว่า เท้าได้มาหยุดอยู่หน้าร้านซะแล้ว ชางบอมพยายามมองเข้าไปในร้านเพื่อหาใครบางคน การพูดคุยในครั้งก่อนแทบจะไม่เกิดผลอะไร เขาตั้งใจที่จะมาทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น โดยเฉพาะความรู้สึกของคนที่เขาเคยทำไม่ดีไว้


กรุ๊ง~กริ๊ง~

อ้าว..คุณ! อ๋อ นัดพี่ชานฮีไว้ใช่มั้ยฮะ

...เอ๊ะ? นายรู้เหรอว่าชั้นจะมา

ก็ไม่เชิงครับ ไม่ได้บอก..”    ชางบอมกำลังเอ่ยตอบเด็กหนุ่มที่ทักทาย แต่..

พี่ไปละนะ จงฮย..”  

ชานฮีในชุดลำลองที่กำลังสะบัดโค๊ทขึ้นสวม หน้าตาสดใสกว่าวันแรกที่เจอกัน

...เพิ่งสังเกต นายดูโตขึ้นมาก

ชอนจิ ชั้นมารับ

“...”

หน้าแบบนี้อีกแล้ว เจอกันทีไร นายทำหน้าแบบนี้ทุกที”  
ชางบอมตั้งใจจะแหย่เล่น แต่หน้าตาอีกคนกลับไม่สนุกด้วยซะเลย

เอ๊ะ! จริงสินะ ชั้นมาแบบไม่ได้บอกไว้ก่อนนี่นา ..ไม่เป็นไรถ้าวันนี้ไม่สะดวกชั้นกลับก่อน..
ไปกันเถอะ นายมารับชั้นไม่ใช่เหรอ
ประโยคที่เสียงบางพูดแทรก ทำให้ชางบอมอุ่นใจขึ้น พยักหน้าตอบรับแล้วเดินนำออกไป

จงฮยอนยืนมองตามคนทั้งคู่เดินออกจากร้านไป ถ้าตาไม่ฝาด เขาแอบสังเกตเห็นชานฮีพรูลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนเดินตามผู้ชายคนนั้นไป

...ทำไมถึงดูผิดหวังแบบนั้น ตกลงมันยังไงกันเนี่ยะ พี่ชานฮี

.

.

.

หลังจากได้กาแฟร้อนจากตู้กดกันคนละแก้ว แทนที่จะเป็นร้านกาแฟแบบเดิม ชานฮีกลับชวนมานั่งคุยกันกลางสวนเล็กๆนี้ เขาเดาว่า คงอยากรู้สึกเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะอากาศที่หนาวเย็น จึงแทบไม่มีใครมานั่งเล่นตรงสวนหย่อมนี้เลย ตรงข้ามกับร้านกาแฟอุ่นๆที่มักจะเต็มไปด้วยลูกค้าแน่นร้าน คนตัวบางเดินนำเข้ามาในสวน จนมาหยุดยืนตรงม้านั่งคู่หนึ่ง

ชั้นชอบมานั่งคิดอะไรตรงนี้ ...รู้ใช่มั้ยชางบอมว่าชั้นหมายถึงอะไร

เหมือนเขาจะเดาผิด  ..จะด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็แล้วแต่ ทั้งรูปทรงและลวดลาย แม้กระทั้งรอยทรุดโทรมที่ถูกกาลเวลากัดกร่อน

...เหมือนกันทุกอย่าง!

ชางบอมมองเขม็งไปยังชานฮี

ตอนแรกชั้นก็ตกใจแบบนายนี่ล่ะ อยากรู้ขนาดพยายามสืบเลยนะว่ามันมาจากไหน สุดท้ายก็ยอมแพ้ บางเรื่องเราก็ต้องปล่อยมันไป สู้ไม่รู้ซะยังดีกว่า”  
พูดจบก็หย่อนตัวลงบนม้านั่ง

นอกจากเด็กชายสองคนที่วันนี้โตขึ้นมากแล้ว ทั้งบรรยากาศและม้านั่งคู่นี้ พาลทำให้นึกถึงวันแรกที่ได้เจอกัน

ชางบอมทิ้งตัวไปนั่งข้างๆ หายใจเข้าลึกแล้วปล่อยมันออกมา
"..ชอนจิ สิ่งที่ชั้นจะพูด ชั้นขอพูดแค่ครั้งเดียว และขอให้ฟังจนจบ"
ชางบอมไม่แม้จะหันมองคนข้างๆ ใบหน้าและดวงตาเหม่อลอย
แล้วหลังจากนั้น ชั้นจะแล้วแต่นาย..

ทุกกริยาอยู่ในสายตาของชานฮี ท่าทางแบบนี้ ชางบอมกำลังรู้สึกไม่มั่นใจ

...บางครั้งนายก็เด็กกว่าที่ชั้นคิดนะ
  
เพราะชั้นใช้ความสกปรกของตัวเองตัดสินนาย สิ่งที่เคยเห็นจากพ่อกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่แม่ จนชั้นนึกรังเกียจ ไม่ได้เข้าใจเลยว่า นายในตอนนั้นเดียงสาเกินกว่าจะมาคิดเรื่องหยาบโลนอะไรแบบนั่นได้ ถ้าเทียบกับชั้นแล้ว นายขาวสะอาดกว่ามากชอนจิ   
ชางบอมเหล่ตามองคนข้างๆอีกครั้ง ใบหน้าของชานฮีที่กำลังก้มรับฟังสิ่งที่เขาพูดอย่างตั้งใจ แต่คงจะรู้สึกเจ็บปวดอยู่ข้างในอยู่บ้าง

มันเป็นแค่ข้ออ้าง ชั้นรับความสกปรกของจิตใจตัวเองไม่ได้จึงเอาแต่โทษคนอื่น รวมถึงคุณน้าด้วย ตอนนั้น ชั้นรู้จักความรักแค่2อย่าง คือแม่ และก็เพื่อนอย่างนาย   
เขารับรู้ถึงปฏิกิริยาเล็กน้อยจากคนข้างๆ

แต่ก็นั่นแหละ พอเจออะไรแบบนั้นมันก็สับสน นึกถึงผู้หญิงทุกคนที่ทำแบบนั้นกับพ่อ สิ่งที่ควรจะเป็นของแม่ถูกผู้หญิงพวกนั้นแย่งไป ..แต่ไม่น่าเชื่อนะ วันที่ชั้นรู้จักความรักที่ต่างไป กับใครบางคน ได้รู้ถึงความรู้สึกจริงๆของสัมผัสแบบนั้น ทำให้รู้ว่ากับนายมันไม่ใช่ ความรู้สึกของนายมันไม่เหมือนกัน นายเพียงแค่ส่งความรู้สึกบางอย่างมาให้ชั้น ซึ่งก็ไม่ต่างกับเวลาเราจับมือกันเลย ..เพียงแต่ชั้นรู้ช้าไป”  
ชางบอมถอดหายใจอีกครั้ง วันนี้คงเป็นวันที่เขาถอนหายใจมากที่สุดวันหนึ่ง

ชอนจิ ที่ชั้นมา เพราะอยากจะบอกทุกอย่างให้นายฟัง อยากให้รู้ว่าชั้นไม่ได้รังเกียจ ชั้นเข้าใจและสำนึกผิด อยากให้นายกับคุณน้ารับคำขอโทษจากชั้น"

ชานฮีไม่เคยเห็นแววตาอ้อนวอนขนาดนี้ แววตาที่เหมือนเขาเป็นคนกุมชะตาของคนคนนี้ไว้ ว่าจะให้มีชีวิตอยู่หรือจะให้สลายไปตรงหน้า ชางบอมผ่านการเจ็บปวดจากความรู้สึกถูกทอดทิ้ง จริงๆเขาก็เข้าใจมานานแล้ว วุฒิภาวะบอกกับเขาว่าการกระทำแบบนั้น ไม่แปลกเลยที่จะถูกเข้าใจผิด เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากความไร้เดียงสาของเขาทั้งคู่ ยิ่งเห็นแววตาที่เอาแต่โทษตัวเองของชางบอม ทั้งๆที่เขาเองก็มีส่วนผิด มันก็ไม่ยากกับการให้อภัย เพื่อที่จะตัดเรื่องคาใจให้หมดไปซักที

แต่สำหรับบางเรื่อง การขอโทษมันไม่ได้ช่วยอะไร ความสลดในใจยังคงครุกรุ่น เหมือนกองเถ้าถ่านที่ดูสงบแค่ภายนอก ทว่าข้างในยังระอุด้วยก้อนถ่านสีแดง

"ชั้นอาจจะรับคำขอโทษจากนายได้ แต่ชั้นตอบแทนแม่ไม่ได้หรอกนะ"   ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย
แค่ทำเหมือนไม่รู้สึก
"ชั้นยินดีไปขอโทษคุณน้าด้วยตัวเอง"

"แม่คงตอบนายไม่ได้ ..เพราะแม่ไม่อยู่ให้นายขอโทษแล้วล่ะ.."

ชางบอมเงยหน้ามองอย่างตกใจ ถึงแม้ใบหน้านั้นจะยังเรียบเฉย เย็นชา แต่สองมือกลับสั่นเทา อยู่ๆสมองเขากลับว่างเปล่า ความรู้สึกเย็นวาบเหมือนทุกครั้งที่ฝันถึงเรื่องนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่เขายังมีสติไม่ได้หลับใหล แต่คราวนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าทุกครั้ง รู้สึกเหมือนร่างกายเย็นจนกลายเป็นน้ำแข็ง ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายนิ้วเท้าไร้ความรู้สึกใดๆ หากโดนทำลายก็คงจะแตกสลายโดยง่าย น้ำตาที่เขาไม่เคยทักทายมันอีกเลยหลังจากที่เสียแม่ไป กลับเอ่อล้น ร่วงหล่นอย่างง่ายดาย และคงเพราะความอุ่นจากน้ำตาที่พรั่งพรู น้ำแข็งก้อนนี้ เริ่มละลายไหลร่วงลงสู่พื้น

"ชางบอม!!!"

"..ขอโทษนะ.."
...ชั้นบอกแล้วไง ต่อให้ต้องคุกเขาชั้นก็จะทำ

“..เมื่อไหร่..”    คำพูดล่องลอยอย่างอ่อนแรงจากเจ้าของเสียง

หลังจากวันนั้น ..ไม่กี่วัน”   
คำตอบราบเรียบ อ่อนล้า เช่นกัน

.

.

.

ภาพเด็กผู้ชายสองคนนั่งข้างๆกันใต้ต้นไม้ ที่ถูกบรรจงวาดและระบายสีเป็นอย่างดี ถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กน้อยแก้มป่อง
ชางบอมจ๊ะ ชานฮีฝากมาให้น่ะ เจ้าตัวบอกว่าไม่กล้า คงจะเขิน”   รอยยิ้มที่แสนจะนุ่มนวล ชานฮีรับส่วนนี้ของแม่เต็มๆ การใช้รอยยิ้มในการเอาชนะใจใครต่อใคร

ชางบอมค่อยๆยื่นมือไปรับ ก่อนที่จะตัดสินใจ
ขยำมันทิ้งลงพื้น!

อย่ามายุ่งกับผมอีก!! ผมเกลียด เกลียดทั้งคุณน้า ทั้งชอนจิ เกลียดคนผิดปกติ ผมขยะแขยง!!!”    เด็กชายชางบอมเดินกระทืบเท้าออกไป ทิ้งข้อกังขาให้กับหญิงสาวร่างบางที่ยังคงยืนนิ่งอยู่
ผิดปกติเหรอ..??”   คำพูดลอยๆแบบไร้ทิศทาง แต่เต็มไปด้วยความงุนงง สงสัย และเจ็บปวด

เด็กผู้ชายตัวบางที่แอบดูอยู่ แทบจะทรุดตัวลงกองกับพื้น
...ชั้นถูกเกลียดแล้วจริงๆสินะ

.  .  .

แน่ใจนะชางบอม ว่าจะเข้าไปคนเดียว”   มีแค่การพยักหน้ารับจากเด็กน้อย แล้วก็ปลีกตัวเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักผู้ป่วย

น่าตกใจ ป้ายชื่อหน้าห้องและเตียงของคุณน้า
..มันว่างเปล่า..

พวกเขาไปอยู่ที่อื่นกันแล้ว”   เสียงจากคุณหมอใจดีที่คุ้นเคย
ไปไหนครับ ไปที่ไหน?!
ชางบอมอา.. จะเดินทางวันนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงก็ไม่ทันแล้วล่ะ กลับไปเตรียมตัวที่บ้านดีกว่านะ”   คุณหมอหนุ่มลูบหัวทุยๆนั้นเป็นการปลอบใจ
อ่ะนี่ หมอคิดว่าชางบอมคงอยากกลับมาเอาสิ่งนี้ด้วยใช่มั้ย”   แผ่นกระดาษที่ยับย่นถูกส่งมาให้เด็กน้อย

ภาพวาดที่ชานฮีให้ไว้   ..ถึงจะรู้สึกโกรธยังไง ก็ทิ้งมันไปไม่ลง

.

.

.

ชั้นกลับไปก็ไม่เจอใครแล้ว.. เกิดอะไรขึ้นกับคุณน้า! ทั้งที่ดูแข็งแรงออกอย่างนั้น”   
“...”    ชานฮีไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นอกจากเอาแต่นั่งก้มหน้า

“..หรือเป็นเพราะชั้น!..”  
ความรู้สึกผิดของชางบอมกลับมากขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่เคยรู้ว่าคำพูดจากคนเหลือขออย่างเขาจะทำร้ายใครได้ขนาดนี้
ชั้นต้องทำยังไง ถึงจะให้สมกับความผิด..”   เหมือนพลังชีวิตถูกอากาศหนาวเย็นสูบไป มันอ่อนแรงไปหมด

คงพูดไม่ได้หรอกนะว่าไม่โกรธ ชั้นคงต้องเลือกที่จะมองข้ามมัน เพื่อให้ยังยืนอยู่ได้ แม้จะยังไม่ลืมว่าเคยเกิดอะไรขึ้น แต่จะไม่เอามันมาตอกย้ำหรือทิ่มแทงให้ตัวเองเจ็บปวด เราอาจจะไม่ใช่เพื่อนรักกันได้สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน อันนี้นายต้องเข้าใจ แต่ทุกอย่างมันก็เริ่มใหม่ได้ ความตั้งใจของนายชั้นก็รับรู้หมดแล้ว ..ขอบใจนะชางบอม อย่างน้อยนายทำให้ชั้นรู้สึกดีกับตัวเองขึ้นเยอะเลย

นับเป็นยิ้มแรกที่เขาได้รับจากชานฮีหลังจากพบกันอีกครั้ง ยิ้มแบบเดิม ยิ้มที่สดใส ยิ้มที่ส่งพลังให้กับคนที่ได้เห็น ชางบอมสัญญากับตัวเอง จากนี้จะไม่ทำให้รอยยิ้มนี้จางไปอีกเด็ดขาด

ชั้นอยากไปเคารพหลุมศพคุณน้า ถ้านายจะไม่ว่าอะไร

.

.

.

Pieridae** สแตนด์บายครับ”   เสียงจากสต๊าฟของคลับเข้ามาบอกนักดนตรี
บยองฮอน ตกลงเพลงนายจะเอาไง”  
คงไม่มาแล้วล่ะ เล่นตามเซ็ทลิสท์เดิมละกัน
ก็ไม่เป็นไรนี่ เค้าไม่มาเราก็อยากเล่นนะ เสียดาย อุตสาห์แต่งเสร็จแล้วแท้ๆ คันไม้คันมือเต็มที่แล้ว”   เสียงเพื่อนในวงคนหนึ่งบอก
รู้สึกอยากจะแก้เนื้อใหม่น่ะ   ..พอดีคิดอะไรได้
บยองฮอนก้มมองนาฬิกาอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างหมดหวัง หยิบกีตาร์ข้างตัวขึ้นสะพาย คืนนี้เขาตั้งใจจะเล่นเพลงที่แต่งเป็นครั้งแรก ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากให้ใครบางคนได้ฟังขนาดนั้น
แต่ก่อนจะขึ้นเวที เขาจำเป็นต้องปัดเรื่องกวนใจออกไปให้หมด ต้องมีสมาธิ จดจ่อกับอยู่กับโชว์ ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน ก็ต้องทำให้ออกมาดีที่สุด บยองฮอนกระชับสายกีตาร์อีกครั้งก่อนเดินนำออกไป..

ถึงแม้จะเป็นแค่วงดนตรีโคฟเวอร์ แต่ด้วยเสน่ห์ของการรู้จักปรับแต่ง เรียบเรียงดนตรีใหม่ การลงรายละเอียดในเครื่องดนตรีทุกชิ้น สามารถแสดงออกมาได้ทางท่วงทำนองที่ได้ยิน ให้คนที่ฟังไม่รู้สึกจำเจกับรูปแบบเดิมๆ ทำให้มีลูกค้าถูกใจจนเป็นขาประจำของคลับได้ไม่ยาก สังเกตได้จากวันที่มีคิวของPieridaeขึ้นเล่น แม้จะเป็นวันกลางสัปดาห์ที่ไม่ใช่วันหยุด ลูกค้าก็มักจะแน่นร้านจนเป็นปกติไปซะแล้ว

.

.

.

ขอบใจที่มาส่ง”   ชานฮีปลดสายเข็มขัดนิรภัยส่งยิ้มบางๆให้ก่อนลงจากรถ
อ้อ.. ชอนจิ!”   ชางบอมรีบลดกระจกฝั่งคนนั่งลง กรอกเสียงผ่านช่องว่างนั้นออกไป
ว่างๆไปเที่ยวคลับกันมั้ย ชั้นอยากซิ่งคลับเกาหลีบ้าง”   ชางบอมระบายยิ้มเต็มหน้า
เอาสิ แล้วไว้นัดกันอีกที”  ยิ้มตอบไปอีกครั้ง ก่อนจะโบกไม้โบกมือ แล้วรถคันนั้นก็แล่นไป

วันนี้เหมือนโดนความหนาวเย็นสูบพลังไปจริงๆ พอเข้ามาในห้องได้ แขนขาก็อ่อนแรงไปหมด ชานฮีถอดรองเท้าผ้าใบอย่างลวกๆ ก่อนปลดเป้ที่สะพายหลังลงพื้น

..กึก..

เสียงวัตถุบางอย่างกระทบกับพื้น วัตถุที่ทำให้เป้หนักกว่าทุกวัน
กล่องกระดาษสีเหลี่ยมที่มีแก้วเซรามิคอยู่ด้านใน

แย่ละ!” 
ชานฮีควานหาของบางอย่างในเป้อีกครั้ง มืออีกข้างหยิบสมาร์ทโฟนจากกระเป๋ากางเกงกดตามเบอร์ที่บอกไว้บนนามบัตร

เวลาดึกดื่นแบบนี้เป็นช่วงเวลาพีคสุดของสถานบันเทิง คงไม่มีใครมีแก่ใจมารับสาย หรือเพราะความร้อนใจของใครบางคน ที่ทนรอเสียงตอบรับไม่ไหว ชานฮีกดปิดสัญญาณเรียกนั้น ยัดสมาร์ทโฟนลงกระเป๋ากางเกงช่องเดิม รูดซิบกระเป๋าเป้ สวมผ้าใบคู่ที่เพิ่งสลัดทิ้งอีกครั้ง ก่อนพรวดพราดออกจากห้องไป

.

.

.

บยองฮอนมองนาฬิกาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ ทั้งๆที่เป็นนาฬิกาเรือนเดิมที่ใส่อยู่ทุกวัน แต่วันนี้มันดึงดูดให้ก้มมองครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้มันบอกเวลาว่าเกือบตี3 ทั้งๆที่เลยเวลามานาน

ตลกตัวเองที่ยังจะรอ

เมื่อคิดได้ก็ตัดสินใจหยิบกีตาร์และสมุดโน้ตใส่ลงกระเป๋าเป้ใบใหญ่นั้น รูดซิปอย่างดี กระชับสายกระเป๋าเดินออกจากห้องนักดนตรีไป

พนักงานเสิร์ฟที่เดินสวนมาหยุดเขาไว้
เดี๋ยวบยองฮอน! มีคนมาหาข้างนอกน่ะ”  

. . .

บยองฮอนวิ่งมาตามทางที่เด็กเสิร์ฟบอก มองซ้ายขวา กลับไม่เจอแม้แต่เงาของใครคนนั้น

คุณอีบยองฮอนครับ
เสียงทักทายจากด้านหลังทำให้เข้าต้องหันไปมอง





-TBC-


           

>>> A Boy and His Kite – Cover Your Tracks (Live Band Version)


Mind, pick up your pace
จิตใจผม สัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าของคุณ
Capture the thoughts you always chase
รับรู้ในสิ่งที่คุณคิดซึ่งคุณได้ตามหามันมาตลอด
Soul, open your wings
จิตวิญญาณผม แผ่ปีกคุณให้เบิกกว้าง
Lift this cage higher than any dream
ยกกรงขังนี้ออกไปจากฝันของคุณ





* เกรด2 นานาชาติ เทียบกับโรงเรียนบ้านเราก็เท่ากับ มัธยมปีที่2
** Pieridae อ่านว่า เพียริดี้ เป็นชื่อสายพันธุ์หนึ่งของผีเสื้อ ปีกสีขาว ไม่ก็สีเหลืองเรียบๆ เล็กๆกลมๆ



คุยๆ  เอาแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวมันจะยาวไป เนื้อเรื่องจะไม่ค่อยไปไหนเลยเนาะ ฮ่าๆ ต้องขอโทษจริงๆ บางรายละเอียดก็ทิ้งไม่ลง อยากให้ความสำคัญกับทุกตัวละคร แล้วจะรู้ว่าทุกการกระทำมันมีเหตุผล อย่างเพิ่งจิกทึ้งคนเขียนเลยนะคะ สัญญาว่าคราวต่อๆไปจะแกล้งให้น้อยลง (ถ้าทำได้นะ)
เพลงตอนนี้ชอบมากค่ะ ที่เลือกเวอร์ชั่นนี้มาให้ฟังเพราะซาวนด์น่าจะเข้ากับบรรยากาศในเรื่อง




ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^-^






1 comments:

  1. พอได้รู้ความหลังระหว่างชานฮีกับชางบอมก็น้ำตาไหลเลยค่ะ สงสารทั้งคู่ที่ต่างคนต่างก็มีแผลติดอยู่ในใจ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกโทษชางบอมนะคะเพราะคนแต่ละคนมักจะมีเรื่องราวที่ทำให้เจ็บปวดได้ง่ายต่างกันไปในแต่ละคน อย่างน้อยก็ได้กล่าวคำขอโทษได้ปรับความเข้าใจ และให้อภัยกันถึงมันอาจจะช้าไปสักหน่อยแต่มันก็ยังได้ทำได้มีโอกาสนี้
    บยองฮอนใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลยเผลอเอาไปฝากใครบางคนที่ได้นามบัตรหรือเปล่าน้า😆😆😆
    แอบรู้สึกว่าจะมีรักสามเศร้ายังไงไม่รู้ อิอิ

    ReplyDelete