White Lies






















พายุหิมะสงบลงแล้ว เหลือเพียงเกล็ดน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ยังร่วงปลิดปลิวไปตามแรงลมบ้าง ตาเล็กเรียวยังคงกะพริบอย่างสม่ำเสมอ จับจ้องใบหน้าของอีกคนซึ่งกำลังหลับใหล ชานฮีในเวลานี้ ดูสงบ น่าถนอมเป็นที่สุด ร่างกายที่ไหวตามแรงหายใจนั้น   กำลังพักผ่อน  ..พักจากเรื่องต่างๆ

ความเหนื่อยล้าจากงานทำให้ชานฮีผล็อยหลับไปแล้ว ผิดกับบยองฮอนที่ยังคงตาใส เพราะเคยชินกับเวลากลางคืน วันไหนมีเรียนเช้า ..นั่นแหละคือปัญหา

ตาคู่เดิมเริ่มมองสิ่งของรอบตัวอีกครั้ง ฟ้าที่เริ่มมีแสงเรืองๆทำให้รู้ว่าใกล้สว่างเต็มที

“..นี่เรากลายเป็นคู่รักรับอรุณสมบูรณ์แบบเลยนะ..”  
บยองฮอนใช้เสียงอย่างเบาที่สุด ก้มลงพูดใกล้หัวทุยๆที่ยังคงอยู่ในภวังค์

เขานึกตลกกับความคิดตัวเอง ..แต่ก็ชอบมัน


กองซีดีที่ไม่ไกลจากตัว ป้ายที่ติดบนชั้นวาง ทดลองฟัง ด้วยความสนใจจึงทำให้เดินเข้าไปดู

ซีดีที่วางไว้ตามตัวอักษร ส่วนใหญ่จะเก็บไว้ในซองมากกว่าใส่กล่องพลาสติก บางแผ่นที่น่าสนใจก็จับใส่เครื่องเล่นข้างๆ ยกหูฟังครอบศีรษะ ไม่ถึงนาทีก็หยิบเปลี่ยนแผ่นใหม่ ลองฟังไปเรื่อยเปื่อย


เขาสะดุดตากับตัวอักษรขนาดกลางของซีดีแผ่นหนึ่งเข้า บนแผ่นสกรีนรูปการ์ตูนบนพื้นขาว Standing Egg วงโปรดของเด็กน้อยในร่างผู้ใหญ่ที่กำลังหลับใหลอยู่ใกล้ๆ เขาเผลอหันไปมองใบหน้านั้นอีกครั้ง    ยิ้ม.. ที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวกำลังฉาบบนหน้า

และเพราะชื่อเพลงที่ดึงดูดให้อยากรู้อยากเปิดฟัง แผ่นซีดีถูกจับวางบนเทรย์เครื่องเล่นอย่างเบามืออีกครั้ง กลัวเสียงกุกกักจะรบกวนการพักผ่อนของอีกคน

เมื่อแผ่นซีดีเริ่มหมุน เสียงเพลงที่ได้ยิน บยองฮอนจึงเพิ่มระดับเสียงของหูฟังขึ้นอีกนิด หลับตาลง ฟังทุกเส้นเสียงอย่างตั้งใจ มือข้างหนึ่งล้วงหยิบสมาร์ทโฟนสีขาวขึ้นมาโน้ตอะไรลงไปเล็กน้อย ก่อนจะใส่ลงกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม

.

.

.

ตากลมโตที่หรี่ปรือด้วยความง่วงงุน รู้สึกถึงความปวดเมื่อยจากท่านอนที่ผิดธรรมชาติ และเมื่อมองรอบตัว พายุได้สงบลงแล้ว

แสงที่สะท้อนจากผืนหิมะที่ขาวโพลนไปทั่วบริเวณด้านนอก ทำให้รู้ได้โดยอัตโนมัติ
...เช้าแล้ว

เสียงหายใจยาวที่ได้ยินอยู่ไม่ไกล ร่างผอมบางยังคงนอนนิ่ง ใบหน้าที่ตะแคงวางแนบกับท่อนแขน  ยิ่งช่วยเสริมให้สันกรามได้รูปนั้นดูเด่นชัด ชานฮียกยิ้มบางๆชะโงกหน้าไป ใกล้พอที่จะใช้สายตาพิจารณารายละเอียดรูปหน้านั้นอยู่นาน ตาเรียวคมที่ยังปิดสนิท แม้จะดูธรรมดาในเวลาที่ไม่มีการตกแต่ง แต่เขากลับชอบอะไรที่ดูเป็นธรรมชาติแบบนี้ บยองฮอนในตอนนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับเด็กที่เคยสร้างวีรกรรมเจ็บแสบ ใครจะรู้ว่าคนที่ชอบกวนใจให้อารมณ์เสีย กลับเป็นคนช่างคิด ช่างสรรหาเหตุผลมาเกลี้ยกล่อม   ..เขากลายเป็นคนยอมจำนนโดยง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่
           


“..........ตื่นสายนะคุณ.........”   



เสียงที่ลอยมาตามลม

นุ่มนวล เบาหวิว

คุ้นเคย

...ชานฮี



ตาเรียวเล็กค่อยๆลืมขึ้น เสียงในภวังค์เมื่อครู่หายไปแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองหลับหรือตื่น แต่เพียงลืมตาแล้วไม่เห็นคนที่คิดว่าเป็นเจ้าของเสียงนั้น ..ก็เริ่มส่ายตามองหา

บยองฮอนเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ กีตาร์ของเขาที่ใช้ขับกล่อมใครบางคน ถูกเก็บลงกระเป๋าอย่างดี วางไว้ให้ข้างตัว รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นอีกครั้ง    ..เขาโชคดีแค่ไหนที่ได้รู้จักคนคนนี้

เสียงกุกกักจากด้านใน เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเห็นคนตัวบางเดินออกมา

ชานฮีแทบจะหลุดขำ เมื่อเห็นคนหน้าง่วง ตาเล็กนั้นแทบจะปิดซะให้ได้ เดินโงนเงนเข้ามาหา
แปรงสีฟันคุณอยู่หน้ากระจกนะ ล้างหน้าล้างตาซะหน่อย”   ว่าพลางก็บุ้ยปากไปทางที่เขาเพิ่งเดินออกมา

บยองฮอนถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ท่าทางสะลึมสะลือหายเป็นปลิดทิ้ง รีบปรี่เดินเข้าห้องน้ำไป

ใบหน้าและไรผมที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ประปราย พวงแก้มเนียนสะอาดหมดจดนั้น ..ช่างน่าสัมผัส บยองฮอนยกมือขยี้หัวจนยุ่งเหยิง นับวันก็ยิ่งรู้สึกว่าชานฮีปั่นหัวเขามากขึ้นทุกที  

สายตาที่เหลือบไปเห็นของบางอย่าง ..บยองฮอนแทบอยากจะเอาหัวโขกกำแพง
  
แปรงของเขา   ..ที่มียาสีฟันทารอไว้

...โอ้ย ชานฮี!!


.  .  .


...!!...
ชานฮีที่กำลังจัดแจงเก็บของในห้องล็อกเกอร์ ตกใจเมื่ออยู่ๆก็มีแรงดึงผ้าขนหนูผืนเล็กจากบ่า
คุณ! ผ้านั่น   ..ผมใช้แล้ว”  

ไม่ทันจะปราม คนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำกำลังใช้มันเช็ดหยดน้ำตามใบหน้า คนที่ยืนมองรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาดื้อๆ

หวงเหรอ..?”
บยองฮอนแกล้งทำเป็นไม่สังเกตใบหน้าที่เริ่มแต้มสีจากการสูบฉีดของเลือด เขานึกสนุก อยากทำตัวน่ารักดูบ้าง เอาคืนคนหน้าหวานที่ทำให้ปั่นป่วน

เพราะไม่อยากต่อปากต่อคำ ชานฮีจึงหันไปสนใจกับข้าวของต่อ

ข้างนอกหนาวจะแย่ ผมมีแค่โค้ทบางๆเอง รอให้อุ่นอีก.."  
อ่ะ เอาไป"  
ผ้าพันคอถูกวางแทนที่ผ้าขนหนู ที่เจ้าของจงใจดึงมันกลับจากมือเขา

“พอดีมีเผื่อติดไว้ คุณเอาไปใช้ก่อนละกัน"  
กลิ่นหอมอ่อนๆแบบที่คุ้นเคย เหมือนมีเจ้าของผ้าอยู่ใกล้ๆ และคอชานฮีที่มีผ้าพันคอโพกไว้อยู่ก่อนแล้ว บยองฮอนก็เลยไม่ปฏิเสธ

"ผมเกรงใจเจ้าของร้านน่ะ มีคนแปลกหน้าเดินไปเดินมา ผมว่ามันไม่เหมาะ"  ชานฮีให้เหตุผล



"งั้น.. ไปหากาแฟอุ่นๆรองท้องกันหน่อยมั้ย"  

.  .  .


เดินออกมาไม่ถึงห้านาที ก็เจอกับร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่ประจำเวลาชานฮีต้องการมาฝากท้องก่อนทำงานตอนเช้า เพราะเป็นร้านที่เปิดเร็วสุดในละแวกนี้ และเจ้าของร้านก็ยังเป็นลูกค้าประจำของเขาเหมือนกัน มักจะแวะเวียนไปให้ช่วยหาเพลงไว้เปิดในร้านบ่อยๆ


สวัสดีครับ..”   เขาทักทายเหมือนทุกครั้งที่มา
อ้อ.. ชานฮี”   บารีสต้าหนุ่มหล่อเจ้าของร้านเอ่ยทัก
พูดน้อยตามเคยนะครับ..  ผมขอเหมือนเดิมนะพี่มินซู”   ชานฮีเอ่ยแซวอย่างอารมณ์ดี
มินซูยิ้มรับ และพยักหน้าทักทายลูกค้าอีกคนที่เดินตามเข้ามา ผายมือน้อยๆเป็นเชิงขอรับออร์เดอร์

บยองฮอนไล่มองตามเมนูที่ขึ้นป้ายไว้ด้านบน ตัวอักษรภาษาอังกฤษไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขา

ผมขอเป็น......  ”  

.  .  .


ทานให้อร่อยนะครับ”   มินซูยิ้มพยักหน้าให้บยองฮอนอย่างสุภาพ ก่อนจะหันมาทำหน้าเป็นใส่ชานฮีที่กำลังเม้มปากแน่นเพราะกลั้นหัวเราะ

(- - ;)
บยองฮอนถึงกับหน้าเจื่อน กับเมนูอาหารตรงหน้า ม็อคคาชิโน่เพิ่มวิปครีมกับบานาน่าวาฟเฟิลราดช็อกโกแลตถูกวางคู่กัน ตามด้วยอเมริกาโน่ร้อนกับแซนด์วิชไข่ธรรมดา

คุณคงชอบของหวานสินะ ฮ่าๆ”   ชานฮีพูดจบก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะกลั้นไว้ไม่ไหว

...หมดกันบยองฮอน

อย่าแซว!”  บยองฮอนกดเสียงต่ำเป็นการปราม หลับหูหลับตาจัดการกับของหวานตรงหน้า ท่าทีแบบนั้น ทำเอาชานฮีอยากจะหลุดขำออกมาอีกครั้ง


คงเพราะยังเช้าเกินไป ลูกค้าจึงมีแค่เขาสองคน บรรยากาศในร้านเลยค่อยข้างเงียบ แม้จะมีเสียงเพลงเบาๆเปิดคลอ แต่ก็ยังได้ยินเสียงกุกกัก จับโน่นวางนี่เป็นครั้งคราว
           

"อื้ม.. ว่าไง"  
น้ำเสียงที่ดูเป็นกันเองลอดมาจากหลังเครื่องชงกาแฟ มินซูพยายามเอามือป้องปากกับสมาร์ทโฟน ยิ่งในเวลาที่มีลูกค้าในร้านด้วยแล้ว การคุยเรื่องส่วนตัวให้ใครได้ยินไม่ใช่สิ่งที่เขานิยม

พี่มัวแต่ยุ่งๆเปิดร้านน่ะ เลยไม่ได้หยิบโทรศัพท์ดู   โทษที่นะ.. มีอะไรรึเปล่า

แหม่..ไม่น่าถาม   มาสิ ลูกค้าเต็มร้านเลย อย่าลืมสิ พี่มินวูก็ไม่ได้อยู่ช่วยเหมือนแต่ก่อน ..เหนื่อยจะแย่

มีไม่กี่คนที่มินซูจะพูดคุยด้วยประโยคยืดยาว ..ถ้าไม่สำคัญจริงๆ ยิ่งน้ำเสียงแบบที่ใช้   ..ลูกอ้อน ไม่มีใครอื่นไปได้

อืมได้.. เดี๋ยวเจอกันนะดาเนียล”   ท่าทีที่นิ่งเฉยในทีแรก เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มินซูดูจะกระตือรือร้นขึ้นทันที ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างเห็นได้ชัด

.  .  .


วันนี้ต้องทำงานมั้ย?”   เสียงอู้อี้จนเกือบไม่เป็นภาษา บยองฮอนพูดขึ้นทั้งๆที่ยังคงสวาปามกับของหวานตรงหน้า
ไม่ต้อง วันนี้วันหยุดร้าน”   ชานฮีวางแก้วกาแฟ แล้วหันไปสนใจกับแซนด์วิชต่อ
แล้วมีเรียนรึเปล่า
ก็มีช่วงบ่าย กะว่าจะกลับบ้านไปงีบต่ออีกหน่อย..”   ชานฮีที่กำลังจะหยิบแซนด์วิชเข้าปาก

เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองพลาด
“..ถามทำไม?” 

นั่นมันเด็กที่ร้านไม่ใช่เหรอ?”   แทนคำตอบด้วยคำถาม
ชานฮีมองตามตาเรียวที่ยังคงมองออกไปนอกร้าน..

เด็กหนุ่มที่ยืนอีกฝั่งหนึ่งของถนน มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในโค้ทตัวหนาที่ติดกระดุมครบทุกเม็ด มีผ้าไหมพรมพันคอไว้โดยรอบอีกที ดูอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก

ใช่.. จงฮยอน ..ทำอะไรเช้าๆแบบนี้”   ชานฮีแค่นึกสงสัย ตั้งท่าจะลุกขึ้นไป หวังชวนมานั่งร่วมโต๊ะ 
..กลับถูกบยองฮอนที่โน้มตัวมายึดแขนไว้

"เดี๋ยว..  ดูท่าทางเหมือนรอใครอยู่ รอดูตรงนี้ก่อนดีกว่า"   
พอเข้าใจในการกระทำ ชานฮีจึงนั่งลงโดยดี


เพียงไม่กี่อึดใจ ใครบางคนก็วิ่งตรงเข้ามาหาจงฮยอน มีอาการเหนื่อยหอบ และถ้าให้เดาจากท่าทางคงจะรีบไปไหนกัน เด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่ายกมือขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ จงฮยอนจัดการคลายผ้าไหมพรมของตัวเองวางพาดบนคอที่เปิดโล่งของคนตัวเล็กไว้ และเหมือนอีกฝ่ายจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้จงฮยอนต้องยิ้มออกมา แต่เพียงใบหน้าของอีกคนเงยขึ้นมอง เขาก็ต้องหุบยิ้มปั้นหน้าหงุดหงิดต่อ แกล้งทำเป็นมองโน่นนี่กลบเกลื่อน  ..ก่อนที่จะพากันเดินไป

"ไม่เคยเห็นจงฮยอนเป็นแบบนี้”  
ชานฮียังคงมองตามเด็กสองคนนั่น ปากยังคงพึมพำกับตัวเอง ยิ่งท่าทางเคอะเขินของจงฮยอน ยิ่งทำให้แน่ใจ
ทำไมผมรู้สึกเหมือนจงฮยอนกำลัง.." 
"เดท"   บยองฮอนตอบด้วยสีหน้าเรียบ
"คุณก็รู้สึก?"
บยองฮอนเพียงแค่ยิ้มตอบ

วิปเลอะไปถึงจมูกแล้ว!”   มือข้างหนึ่งของชานฮีดึงทิชชูส่งให้คนตรงหน้า
แต่เหมือนจะแย่กว่าเดิม เพราะไวกว่าทิชชู คือมือของเจ้าตัวที่ยกแปะป้ายตามใบหน้า พาให้ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่

ชานฮีที่มองอยู่ ทั้งนึกขำและก็ทำใจ บางครั้งบยองฮอนก็ดูเด็กกว่าที่เขาคิด

ผมว่าไปล้างในห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวก็เลอะถึงหูกันพอดี  ..ตรงไปขวาสุดก็เจอเลย”   เจ้าของน้ำเสียงที่แอบประชดประชัน ชี้นิ้วบอกทาง

บยองฮอนยิ้มเขื่อนๆ ก่อนลุกเดินไป
           
.  .  .


โอ๊ะ! สวัสดีครับพี่ชานฮี วันนี้มาเช้าจัง..”  
เสียงเด็กหนุ่มตัวสูงเพรียว  ..ผู้ช่วยของมินซู

ดาเนียล ก็เหมือนเขาและเด็กมหาวิทยาลัยทั่วไป ที่มักจะหาเงินใช้เพิ่มเติมด้วยการทำพาร์ทไทม์
นายก็มาเช้ากว่าทุกวันนะ”   ชานฮีทักทายกลับไปอย่างยิ้มแย้ม
"พอดีคลาสเช้ายกเลิกน่ะครับ กว่าจะมีเรียนอีกทีก็บ่าย จะกลับบ้านก็ขี้เกียจ"   ดาเนียลปั้นหน้าเซ็งตอบกลับไป
ขี้เกียจกลับบ้าน หรือว่าอยากมาเจอใครไวๆ..”   เสียงเอ่ยแซว ทำให้อีกคนถึงกับหน้าแดง


ชานฮีรู้จักดาเนียลมาได้ประมาณสองเดือน เพราะมินวูเจ้าของร้านอีกคนที่เตรียมตัวจะเข้ากรม รับเข้ามาช่วยงาน

แต่ดูไปดูมาตอนนี้ดาเนียลจะไม่ใช่แค่เด็กพาร์ทไทม์ธรรมดาซะแล้ว

หิวมั้ย เดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กิน
ไม่ล่ะฮะ ผมอิ่มมาแล้ว
           
ชานฮีเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับท่าทีของทั้งคู่ คิดถึงเมื่อก่อน ทุกครั้งที่มา จะมีแค่มินวูที่เป็นคนชวนคุย สร้างสัมพันธ์กับลูกค้า ส่วนมินซูก็แค่ก้มหน้าก้มตาชงกาแฟ หั่นแซนด์วิชอยู่เงียบๆ แทบจะนับครั้งได้ที่คุยกัน ซึ่งผิดกับตอนนี้ ชานฮีรู้สึกว่าเห็นรอยยิ้มของมินซูบ่อยขึ้น และบางครั้งก็คุยเก่งแบบที่ไม่เคยเป็น

ไม่ใช่แค่เขา มินวูเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน

ก็แค่อยากได้เด็กซักคนมาช่วยมินซูรับลูกค้า รายนั้นแค่คุยธรรมดายังไม่ค่อยจะรู้เรื่องเลย ขืนปล่อยให้ดูร้านคนเดียว เดี๋ยวลูกค้าก็หนีหมด แรกๆก็หวั่นใจ เพราะมินซูไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับร้าน เห็นนิ่งๆแบบนี้นะ ขี้หวง.. แต่โชคดีเด็กคนนี้ช่างพูดช่างคุย ยิ้มแย้มแจ่มใส ขยัน ทำแทนพี่ได้เกือบทุกอย่าง ทั้งรับออร์เดอร์ เช็คของ ทำบัญชี บางครั้งมินซูยังฟังเด็กคนนั้นมากกว่าพี่ตัวเองซะอีก ฮ่าๆ  ..ก็ได้ดาเนียลนี่ล่ะที่ทำให้บาริสต้าของเรามีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง


...พี่มินซูกำลังมีความรัก


พี่ชานฮีนี่.. ยิ้มสวยนะครับ ยิ้มแบบนี้บ่อยๆสิครับ”   
ชานฮีรู้สึกตัวอีกที ก็ตอนได้ยินคำชมจากปากอิ่ม ที่เดินเข้ามาเติมน้ำดื่มให้

ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มจนเต็มหน้า พูดอย่างเอาใจ เพราะไม่บ่อยที่จะเห็นรอยยิ้มแบบนั้น


อ่ะแฮ่ม! / ฮึ่ม!

เป็นความตั้งใจที่บังเอิญ เสียงกระแอมไอของมินซูและคนที่เพิ่งล้างเนื้อล้างตัวออกมาจากห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกัน หันมาสบตากันแค่อึดใจ ก่อนที่บยองฮอนจะเดินผ่านหน้าดาเนียล กลับไปนั่งที่เดิม


พี่บยองฮอนใช่มั้ยครับ?”   เสียงทักทายที่ทำให้หยุดค้าง
ผมอันดาเนียล ที่เคยติดต่อวงพี่ไปเล่นงานคณะไงฮะ”   ดาเนียลแนะนำตัว โค้งและยื่นมือออกมาอย่างสุภาพ
บยองฮอนจับมือตอบพอเป็นมารยาท ท่าทางดูงงๆ ..เพราะยังนึกไม่ออก ตั้งแต่ฟอร์มวงมาก็มีงานโน่นนี่ เขาไม่ใช่คนช่างจดจำอะไรแบบนี้เท่าไหร่

ยินดีด้วยนะครับ เรื่องเรียนต่อ ไกลถึงลอนดอนแหนะ น่าอิจฉาจัง”  ดาเนียลยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม


…!!...
เหมือนฟ้าฝ่าลงกลางหน้าผาก เรื่องที่ไม่คิดว่าจะบอกใครโดยเฉพาะกับชานฮี แต่กลับถูกใครก็ไม่รู้มาพูดให้เสียเรื่อง


...ก็แค่อยากมีเวลาตัดสินใจอีกซักนิด


เรียนต่อ!?”   สายตาที่มองมาอย่างสงสัย

ชานฮีคงจะไม่รู้สึกเอะใจอะไร ถ้าคำถามนั้นไม่ถูกเมินเฉย ไม่มีการหลบหน้ากันแบบนี้

เมื่อเห็นว่าบยองฮอนยังคงเงียบ ไม่มีทีท่าจะตอบคำถาม แค่ความสงสัยในทีแรก กลับถูกเพิ่มเติมด้วยความกังวล ชานฮีจึงหันมองไปขอคำตอบกับดาเนียลแทน

ดาเนียล! มาช่วยพี่ยกขนมหน่อย”  เหมือนรู้ใจกัน มินซูจงใจให้ดาเนียลออกมาจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด
ครับ!”   เจ้าของชื่อไม่รอช้า รีบหันตัวกลับเขาหลังร้านในทันที


ความอึดอัดเกิดขึ้นอีกครั้ง บยองฮอนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าชานฮี เหมือนคนมีความผิดติดตัว ที่ยังหาเหตุผลหรือข้อแก้ตัวไม่ได้ ชานฮีก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก ยังคงยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอยู่เงียบๆ


เมื่อกี้คุณบอกจะกลับบ้านใช่มั้ย?”

...ลอนดอนไม่ใช่ใกล้ๆ ทำไมไม่บอกกัน


งั้นเรา..กลับกันมั้ย?”

...แล้วทำไมผมจะต้องตอบ


ชานฮียังคงนั่งมองออกไปนอกร้านในท่าเดิม แซนด์วิชที่กินไปไม่ถึงครึ่ง ถูกทิ้งไว้จนเย็นชืด


...!?...
แรงสัมผัสเบาๆที่ต้นแขน ทำให้ต้องหันไปมอง


ผมไปส่ง..”  


.

.


>>> 몰라야 할 말 (Words You Shouldn't Know) - Sung Joon



.

.


บยองฮอนยังไม่มีคำอธิบายอะไรในตอนนี้ แต่ก็ไม่อยากทิ้งชานฮีในอารมณ์ขุ่นเคืองไว้คนเดียว ตั้งแต่ออกจากร้านขนมมา เขาแค่เป็นฝ่ายเดินตามอยู่เงียบๆ ไม่มีการพูดคุย

สองขาที่เดินนำ หยุดยืนหน้ารั้วบ้านหลังหนึ่ง พวงกุญแจเล็กๆ ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท ก่อนจะใช้มันไขประตูรั้วบานเล็ก

ชานฮียืนนิ่งอยู่ครู่ ก่อนจะค่อยๆผลักบานประตูเข้าไป

คุณนี่ใช้ไม่ได้เลยนะ มีแขกมาถึงหน้าบ้าน ไม่คิดจะเชิญกันซักคำ!”   บยองฮอนแกล้งทำเสียงแข็งใส่ทันที หวังจะกระตุ้นให้ชานฮีมีอารมณ์ขึ้นมาได้บ้าง ถ้าจะเงียบแบบนี้สู้ให้มีปากเสียงกันยังจะดีกว่า


เสียงตะโกนไล่หลัง ทำได้แค่หยุดการกระทำของเขาไว้เท่านั้น แต่ไม่ได้มีผลอะไรต่อความรู้สึกเลย

อย่างเพิ่งดีกว่า พ่อคงยังหลับอยู่

ชานฮีนิ่งตอบ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

และผมก็เหนื่อย..อยากพัก”                 

เมื่อมาสุดทางที่จะต้องปล่อยชานฮีไว้ ทำไมอยู่ๆถึงรู้สึกกลัว บยองฮอนก็ตอบตัวเองไม่ได้

แล้วจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่?”  


คำถามที่รอคำตอบยังล่องลอยอยู่ในหัว   ..ถ้าบยองฮอนไม่มีคำตอบ เขาก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน


...!!...
สองขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปถูกกักไว้ ไออุ่นที่แผ่ซ่านทั่วแผ่นหลัง แรงสั่นน้อยๆจากลำแขนที่โอบ และจังหวะการเต้นของก้อนเนื้อจากแผ่นอกที่แนบชิดเข้ามาจนรู้สึกได้   ..บยองฮอนก็คงไม่ได้รู้สึกดีไปกว่าเขา


...แต่มีอะไรทำไมไม่พูดกันตรงๆ  ทำไมต้องให้รู้จากคนอื่น


ขอเวลาอีกนิดชานฮี ที่ไม่ได้บอกคุณเพราะผมเองก็ยังไม่ตัดสินใจ หลายๆอย่างมันเกิดขึ้นพร้อมกัน จนผมคิดตามไม่ทัน   ..เข้าใจผมนะ”   เสียงแผ่วเบาจากใบหน้าที่แนบชิด


เปิดใจให้ผมนะ.. เข้าใจผมนะ..  


...ทำไมมีแต่คำขอ เขาต้องยอมมันทุกครั้งเลยหรือเปล่า


ผมต้องเข้าบ้านแล้ว มีอะไรค่อยคุยกันนะ”   ชานฮีค่อยๆคลายวงแขนบยองฮอนออกด้วยท่าทางใจเย็น ซึ่งผิดกับสิ่งที่อยู่ในใจลิบลับ

ไม่อยากจะดื้อดึงขัดใจให้ยิ่งขุ่นเคือง เจ้าของวงแขนจึงยอมคลายออกแต่โดยดี

แล้วผมจะแวะไปหาที่ร้านนะ”  
คำทิ้งท้ายไล่หลัง หวังบอกคนที่กำลังเดินหายไป 


ถ้าชานฮีจะหนี เขาก็จะตาม

.  .  .


เมื่อหลุดจากอ้อมกอดนั้นได้ ขารีบก้าวเดินตรงเข้าในบ้านทันที สองมือรีบคว้าบานประตูให้ปิดลงโดยไว เหมือนต้องการจะตัดขาดจากปัญหาข้างนอกนั่น ตากลมโตปิดสนิทพร้อมถอนหายใจแรง  


เรียวขาที่กำลังจะก้าวอีกครั้ง..



พ่อ..”  

.

.

.


บยองฮอนเดินคอตกกลับออกมาจากประตูรั้ว เพียงพ้นช่วงบ้านของชานฮีไม่กี่อึดใจ เขารู้สึกถึงแรงสั่นในกระเป๋ากางเกง มือบางจึงควานหยิบมันขึ้นมาดู

   
       หน้าม่อชางบอม


อะไรอีกละเนี่ยะ ชั้นยังไม่มีอารมณ์คุยด้วยหรอก โว๊ะ!!”   
บยองฮอนขยี้ผมอย่างหัวเสีย บ่นกับชื่อบนหน้าจอสมาร์ทโฟน ก่อนจะกดสายทิ้ง หย่อนมันลงกระเป๋ากางเกงอย่างเดิม


แค่นึกถึงคำพูดที่ชางบอมทิ้งไว้วันนั้น ก็พาลจะใจเสียหนักกว่าเก่า



ครืดดดด..! ครืดดดด..!

แรงสั่นครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งสร้างความรำคาญใจ   ..ชางบอมชอบเอาชนะ

มือบางกดรับ กำลังจะระเบิดอารมณ์ใส่


 แอลโจ ชั้นต้องคุยกับนายเรื่องชอนจิ ..เดี๋ยวนี้!  ’   เสียงของชางบอมที่กรอกเข้ามาในทันทีที่ยกขึ้นแนบหู  ..เน้นย้ำ และหนักแน่น


เป็นอย่างที่คิด ชางบอมไม่ใช่คนยอมอะไรง่ายๆโดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องนี้   ..เรื่องของชานฮี
ก็เอาสิ เป็นไงเป็นกัน!”   เสียงตอบกลับไป ก็รุนแรงไม่แพ้กัน

.

.

.


ชานฮี พ่อว่า..

ผมรู้ฮะว่าพ่อจะพูดอะไร ผมเข้าใจที่พ่อเคยบอกทุกคำ พ่อสบายใจเถอะฮะ ผมไม่ให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองหรอก”   สายตาที่สั่นระริก มองเข้าไปในตาของผู้เป็นพ่อ ..เป็นการอ้อนวอน

ผมแค่อยากมีความสุขบ้าง ผมอยากรัก และก็ถูกรักบ้าง”   ความปรารถนาที่พรั่งพรูออกมาให้ได้รับรู้


...เพราะรัก จนอยากเป็นคนเห็นแก่ตัว


แล้วเขาล่ะ เขารู้เรื่องลูกรึเปล่า”   คำถามที่ก่อตัวจากความกังวล

ไม่ต้องห่วงครับพ่อ  ..คงอีกไม่นาน”  



ขอผมมีความสุขอีกนิด ก่อนที่ผมจะไม่รู้จักมันอีก..
ประโยคที่พูดทิ้งไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินขึ้นชั้นบนไป   


เมื่อร่างบางของลูกชายหายพ้นสายตา เขาถึงกับเข่าทรุด

ขอโทษนะชานฮี พ่อช่วยอะไรไม่ได้เลย..”  


ชานฮีใช้มือโยกลูกบิดเดินเข้าห้องไปอย่างเงียบๆ เสียงร่ำไห้ไล่หลังอยู่เบาๆไม่ทำให้เขาเศร้าไปกว่านี้ได้อีก ความจริงที่พ่อปิดบังไว้ เขาได้เสียใจกับมันจนสุดเพดานแล้ว ไม่มีอะไรในโลกที่ทำให้เสียใจได้มากไปกว่านี้อีก




...ขอโทษนะบยองฮอน






-TBC-




คุยๆ จบตอนดื้อๆแบบนี้อีกและ >-<  ..เดี๋ยวมันจะยาวเกินไป ยกยอดไปตอนหน้าละกันนะ
ขอโทษจริงๆ เพลงตอนนี้พยายามหาคำแปลให้แล้ว แต่มันไม่เจอ แปลเองไม่สามารถ เอาแค่อารมณ์ตามชื่อเพลงไปก่อนละกันนะ >.<




ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^-^
ปล. ขอบคุณ @ThingByung QC แสนดีด้วยค่ะ







1 comments:

  1. “..นี่เรากลายเป็นคู่รักรับอรุณสมบูรณ์แบบเลยนะ..”
    ชอบประโยคนี้ของบยองฮอนจังค่ะดูเป็นผู้ชายมุ้งมิ้ง😄😄😄

    เริ่มรู้สึกถึงปมดราม่าเข้ามาแล้วล่ะค่ะ เพิ่งจะตัดสินใจตกลงโอเคกันเอง งื้ออออ สงสารทั้งคู่เลย บยองฮอนจะไปเรียนต่อไหมนั่นก็ความฝันนี่ก็ความรัก แล้วท่าทีกับคำพูดที่ชานฮีพูดกับพ่อนั่นอีก ชานฮีเป็นอะไร😢😢😢

    ReplyDelete